Les nouveautés et Tutoriels de Votre Codeur | SEO | Création de site web | Création de logiciel

seo ทำไมต้อง Search Engine Optimization (SEO) 2013

Seo Master present to you:
Search Engine เป็นสื่อออนไลน์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ทั้งยังเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายบนอินเตอร์เน็ตได้มากที่สุดเมื่อเทียบกับสื่อ โฆษณาแบบ Online อย่างป้ายโฆษณา (Banner) และสื่อ Offline อย่างโทรทัศน์และป้ายโฆษณาทั่วไป เมื่อเปรียบเทียบในแง่การแสดงผล และจำนวนของผู้ที่จะได้เห็นป้ายโฆษณาเหล่านั้น Search Engine กลับมีค่าใช้จ่ายในการทำโฆษณาที่ถูกกว่าหลายเท่าตัว ดังนี้แล้วหากต้องการที่จะเพิ่มช่องทางการตลาด เพิ่มยอดขาย เพิ่มอัตราผู้เข้าชมเว็บไซต์ ควรจะต้องทำให้เว็บไซต์ของเรานั้นติดอันดับอยู่ใน 10 อันดับแรก ของผลการค้นหา ในทุกครั้งที่มีการค้นหาจากคำค้นหา (keyword) ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของเว็บไซต์เรา

ดังนั้นการทำ Search Engine Optimizgation (SEO) ถือ ว่าเป็นสิ่งจำเป็นมาก สำหรับเว็บไซต์ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต เพราะผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตเหล่านี้จะสามารถเข้าถึง และรู้จักเว็บไซต์ของเราได้ง่ายมากขึ้น และยังแน่ใจได้ว่า เว็บไซต์ของเราคุ้มค่ากับทุกๆ การลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำ SEO เพราะสามารถติดตามและตรวจสอบผลการดำเนินการทุกขั้นตอนอย่างชัดเจน และเราจะได้รับผลตอบแทนที่ดีมากในอนาคต

จุดเด่นในการทำ Search Engine Optimization (SEO)

ประสิทธิภาพสูง : ทำให้มีผู้เข้าเว็บไซต์ของท่านมากขึ้น เพราะผู้ใช้ Search Engine ประมาณ 95% จะนิยมคลิกเฉพาะเว็บไซต์ที่ปรากฏใน 2 หน้าแรกเท่านั้น

เพิ่มความน่าเชื่อถือ : เนื่องจากผลลัพธ์ของการค้นหา จะปรากฎในตำแหน่งทางซ้ายมือ หรือเป็นตำแหน่งของผลการค้นหาธรรมชาติ ที่จะได้เปรียบมากกว่า ตำแหน่งผู้สนับสนุนทางด้านขวามือ ซึ่งเพิ่มความเชื่อถือให้กับลูกค้า ว่าเว็บไซต์ของท่านได้รับความนิยมอย่างสูง ในเว็บ Search Engine นั้น

ตรงกลุ่มเป้าหมาย : การทำ SEO นั้น จะส่งผลให้เว็บไซต์ของท่าน ได้รับการโฆษณาตรงตามกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างแท้จริง เพราะการเลือกคำค้นหา (Search Keyword) จะทำให้เว็บไซต์ของท่าน จะปรากฎเมื่อมีผู้สนใจในสินค้า และบริการประเภทนั้น ซึ่งมีความต้องการที่จะซื้อ หรือใช้บริการ ณ เวลานั้นด้วย

ประหยัด และคุ้มค่า : เมื่อเทียบกับการโฆษณา ประเภทอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ทีวี , วิทยุ , หนังสือพิมพ์ , นิตยสาร และการโฆษณาแบนเนอร์ในเว็บไซต์ นั้น วิธี SEO ถือว่าประหยัด และคุ้มค่าที่สุด เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้ในแง่ของธุรกิจ

เว็บไซต์ของท่าน จะปรากฎอยู่ตำแหน่งใดในเว็บไซต์ Search Engine ? การทำ SEO นั้น จะเน้นให้ผลของคำค้นหา (Search Keyword) ปรากฏอยู่ในส่วนของ “ผลการค้นหาธรรมชาติ” (Natural Search Result หรือ Organic Search Result) ซึ่งจะแสดงอยู่ในส่วนของผลลัพธ์ทางด้านซ้ายมือของเว็บ Search Engine นั่นเอง ดังรูป


เครดิต business-online 2013, By: Seo Master

seo หลักการทำงาน Search Engine 2013

Seo Master present to you:

หลักการทำงาน Search Engine ปัจจัยการทำงานหลักอยู่ 3 ประการ

1. Search Engine ทั้งหลายค้นหาข้อมูลใน Internet และเลือกสรรเว็บเพจต่าง ๆ ออกมาตามคำสั่ง ของผู้ใช้งาน Keyword

2. Search Engine วิ่งเข้าไปเก็บข้อมูลต่าง ๆ เอามาเก็บไว้ในฐานข้อมูล Indexing เพื่อรอการเรียก ค้นหา (Indexing ก็จะคล้ายๆ กับ ดัชนีท้ายเล่มหนังสือนั่นเอง)

3. Search Engine อนุญาติให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ด้วยการเปรียบเทียบการสอดคล้องระหว่างคำ หรือข้อมูลที่เป็นประโยคสั้น ๆ ที่ใช้ค้นหาใน Index ของ "Search Engine" ดังนั้นก่อนที่ Search Engine จะบอกคุณว่า ข้อมูลที่คุณหาอยู่ในเว็บเพจใดในโลก Internet มันจะต้องมีข้อมูลทั้งหมดอยู่แล้ว เพราะฉนั้น Search engine จึงมีซอฟต์แวร์อัตโนมัติที่เรียกว่า Spider หรือ Robot ที่จะคอยวิ่ง (Crawling) ไปตามเว็บเพจต่างๆ โดยการใช้ลิงก์มากมายเป็นถนม ให้มันวิ่งผ่านแล้วเอาข้อมูลหรือเนื้อหาของเว็บเพจเหล่านั้นมาเก็บใส่ Index ของมันเอาไว้เพื่อเตรียมการรอว่าเมื่อไหร่จะมีใครมาค้นเจอนอกจากการใช้ลิงก์ในการเก็บข้อมูล ยังมีอีกสิ่งที่เป็นตัวกระตุ้นโดยสามารถ เรียกเจ้า Spider ให้เข้ามาเก็บข้อมูลได้อีกคือ ความนิยมของเพจนั้น ๆ เพราะเจ้า Spider มันจะวิ่งเข้าหาเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เก็บไฟล์เว็บเพจนั้น (Server) ที่มีอัตราการใช้อย่างหนักหน่วงในแต่ละวินาที พูดง่ายก็คือเว็บเพจใดที่มีคน
เข้าไปดูมาก ๆ เป็นที่นิยม และมีการอัปเดตเนื้อหาอยู่บ่อย ๆ เจ้า Spider มันจะเข้ามาเองนั้นแหละ

ทั้งหมดที่ว่ามา ก็คือพื้นฐานหลักการทำงานของ "Search Engine" ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ หรือไม่เคยสนใจ แต่หลายคนอาจจะมาาขอบคุณผมที่หลังก็ได้ ถ้าคุณตั้งใจจะทำ "SEO" จริง

เครดิต seo-service 2013, By: Seo Master

seo Keyword คืออะไร สำคัญอย่างไร ? 2013

Seo Master present to you: Keyword (คีย์เวิร์ด) ความหมาย Keyword ในภาษาของเครื่องคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต คือ คำหรือข้อความ ที่ผู้ใช้อินเตอร์เน็ต พิมพ์ลงไปเพื่อใช้ในการ ค้นหาเว็บไซต์ หรือข้อมูลต่าง ๆ นั่นเอง จะเป็นคำที่ใช้ในการอธิบายรูป ลักษณะของเอกสารนั้น เช่น ชื่อเรื่อง หัวข้อ หัวเรื่อง รายละเอียดอย่างย่อของเอกสาร เพื่อความสะดวก และความรวดเร็ว ในการสืบค้น เอกสารในข้อมูลระบบ ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาเว็บเพจ ที่อยู่ในฐานข้อมูลของ เสิร์ชเอนจิ้น หรือการสืบค้นเอกสารต่างๆ ในระบบของห้องสมุด เป็นต้น ดังนั้น Keyword คีย์เวิร์ด จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่ง Keyword นี้จะเป็นเหมือนสัญลักษณ์ประจำตัว ของหน้าเว็บเพจหรือเรื่องนั้น ๆ


เทคนิคของการสร้าง Keyword

การที่เราจะเพิ่มบทความขึ้นมา แต่ละบทความนั้น สิ่งแรกที่เราต้องคำนึงถึง ในแง่ SEO หรือ SEM ก็คือ Keyword

1. สร้างบทความขึ้นมาเพื่ออะไร
2. บทความนี้ Keyword อะไร
3. กลุ่มเป้าหมายคือใคร (ทั่วไปหรือคนที่หลงเข้ามา นั่นก็คือคุณนั้นเอง )
4. อื่นๆ (หลายๆส่วนประกอบกัน)

สร้าง บทความขึ้นมา 1 บทความ ต้องติด Google หรือ Search Engine ให้มากที่สุดของ Keyword นั้น ๆ เช่น บทความที่ผมสร้างขึ้นมานี้นั้น คำว่า Keyword ดังนั้น ค่า Keyword Density ของหน้านี้ต้องมี 5-15% นะครับทำให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ สำหรับคำว่า Keyword แต่ว่า ต้องสื่อให้เข้าใจด้วยนะครับ ไม่ใช่ว่าจะอัดคำ Keyword เข้าไป จนอ่านแล้วจับใจความไม่ได้

ประเภทของ Keyword

Keyword นั้นแบ่งออกได้หลายประเภทซึ่งผมไม่แน่ใจว่าเค้าจำกัดไว้กี่ประเภทที่ถูกหลัก แต่จะเอาประเภทของ Keyword ที่ได้ยินบ่อยๆมาเล่าให้ฟังแล้วกันครับ

Niche Keyword คือ keyword ที่มีการเจาะจงจำเพาะ ในตัวสินค้าหรือเอกสารนั้น ๆ keyword จะเป็นกลุ่มคำยาว เช่น Nintendo DS Lite เป็นต้น

Widely Keyword คือ keyword ที่มีความหมายกว้างๆและมักมีปริมาณการค้นหามากมีคู่แข่งมาก เช่น ipod, Nintendo, Blog เป็นต้น

Mass Keyword  คือ keyword จำนวนมาก ที่เกี่ยวข้องในตลาดเดียวกัน หรือสินค้าตัวเดียวกัน ซึ่งสอดคล้องกัน ในลักษณะชื่อที่คล้าย ๆกัน เช่น Nintendo DS, NintendoWii, Nintendo DSroms, NintendoWii game ประมาณนี้

Misspelling Keyword คือ Keyword ที่มีการสะกดคำผิด หรือเขียนผิด ประมาณว่าให้ชื่อมันคล้าย ๆ กับชื่อที่ถูกต้อง อาจจะเติม s หรือเติมตัวอักษรเพิ่มเติมเข้ามา เช่น Nintendos, Ipods, NNintendo, IIpod เป็นต้น

เครดิต kaweeclub.com 2013, By: Seo Master

seo วิเคราะห์คู่แข่งด้วย Niche Market Finder 2013

Seo Master present to you:
สวัสดีครับผม ช่วงนี้ฝนตกค่อนข้างบ่อยก็ระวังสุขภาพกันบ้างนะครับ มาว่ากันต่อเลยใน บทความ SEO วันนี้ผมจะมาแนะนำเครื่องมือวิเคราะห์คู่แข่งแบบง่ายๆด้วยโปรแกรม Niche Market Finder ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ใช้งานได้ง่ายและค่อนข้างดีอีกโปรแกรมหนึ่ง รวมทั้งยังสามารถ Download มาใช้งานได้ฟรีๆอีกด้วยครับ ซึ่งคุณสมบัติที่สำคัญของตัวโปรแกรมก็คือเอาไว้วิเคราะห์คู่แข่งใน Keyword ที่เราจะทำ SEO หรือ Search Engine Optimization ครับ ซึ่งผลการวิเคราะห์จะอ้างอิง Google.com ซึ่งจะวิเคราะห์ได้ค่อนข้างแม่นยำใน Keyword และ Traffic ภาษาอังกฤษเท่านั้น แต่ภาษาไทยผลการวิเคราะห์จะยังไม่แม่นยำเท่าที่ควร แต่ก็ยังพอนำมาอ้างอิงได้ครับ เรามาศึกษาและดูวิธีการใช้งานกันเลย เริ่มต้นให้ทำการกรอก Keyword ที่เราะจะทำการวิเคราะห์ในช่อง Keyword แล้วคลิ๊กที่ปุ่ม Find Pages ตรง Tool Bar ด้านบนครับ ตัวโปรแกรมก็จะทำการประมวลผล และแสดงผลการวิเคราะห์ตามรูป


ความหมายของแต่ละแถบสีโดยแยกเป็น สีเขียวง่าย หรือมีโอกาสมาก สีเหลืองปานกลาง หรือมีโอกาสปานกลาง สีแดงยาก หรือมีโอกาสน้อย

PR – ค่าคะแนนที่ Google ประเมินคุณภาพของเนื้อหาในแต่ละหน้าเว็บเพจนั้นๆ หรือ Page Rank
BL – Backlink จำนวนลิงค์ที่เชื่อมโยงกลับมาในหน้านั้นๆ
DBL – จำนวนลิงค์ที่เชื่อมโยงกลับมาที่ Domain
KDm – (ติ๊กถูก) ถ้ามีคีย์เวิร์ดใน Domain Name
KT – (ติ๊กถูก) ถ้ามีคีย์เวิร์ดใน Title Tag
KDs – (ติ๊กถูก) ถ้ามีคีย์เวิร์ดใน Description Tag
KH1 – (ติ๊กถูก) ถ้ามีคีย์เวิร์ดเป็น H1 Tag

วิธีการวิเคราะห์ก็ให้ดูหลายๆส่วนประกอบกันโดยดูภาพรวมที่แถบสีก่อนถ้ามีสีเขียวเยอะก็มีโอกาสเป็นไปได้สูง แต่ถ้าแดงเต็มไปหมดแสดงว่าการแข่งขันสูงมาก เหนื่อยแล้วก็ลำบากครับ ต่อมาก็ค่อยมาวิเคราะห์ในส่วนของ KDm ถ้าสีเขียวนี่มีโอกาสสอดแทรกได้ ดูในส่วนของจำนวน BL แล้วก็ PR,KT, KDs, KH1 ประกอบ แล้วก็วิเคราะห์โอกาสและความเป็นไปได้ที่จะแข่งขันครับ เรามาดูในส่วนอื่นของตัว โปรแกรม Niche Market Finder กันบ้างก็จะมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ครับ


Url – ผลการวิเคราะห์ของแต่ละเว็บไซต์เรียงอันดับจาก 1 - 10 (สูงสุดได้ถึง 40 โดยปรับได้ที่ Tools)
Clear Pages – ล้างผลการวิเคราะห์ครั้งล่าสุดเพื่อเริ่มการวิเคราะห์ใหม่
In Browser – เปิด URL ของเว็บที่ทำการวิเคราะห์ด้วย IE Browser ครับ
Page In Yahoo – ดู BL จากฐานข้อมูลของ Yahoo
Domain In Yahoo – ดู Backlinks for a Domain จากฐานข้อมูล Yahoo

เป็นอย่างไรบ้างครับกับ โปรแกรม Niche Market Finder ลอง Download ไปทดสอบกันดูนะครับคงมีประโยชน์ในการวิเคราะห์และช่วยทุ่นแรงได้ไม่มากก็น้อยครับผม2013, By: Seo Master

seo แนะนำวิธีค้นหาและสร้าง Backlink ง่ายๆ 2013

Seo Master present to you:
วันนี้เราจะมาแนะนำเครื่องมือและวิธีการค้นหาและสร้าง Backlink ง่ายๆนะครับ เนื่องจาก Google ให้ความสำคัญกับ Backlink ที่เชื่อมโยงมาจากเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาที่ เกี่ยวข้องกัน หรือสอดคล้อง ดังนั้นเราควรไปฝาก Link ไว้กับเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องหรือใกล้เคียงกับเว็บไซต์ของเราเพราะเราจะได้ SEO Score จากตรงนี้ส่งผลให้ อันดับผลการค้นหาของเราดีขึ้น เราไปดูเครื่องมือตัวนี้กันเลยกับเว็บไซต์ Dropmylink คลิ๊กเลย ขั้นตอนก็ง่ายๆและฟรีอีกเช่นเคย ในการค้นหาก็เพียงแค่ใส่ Keyword ที่เราต้อง การจะค้นหาลงในช่อง Keyword ในส่วนของช่อง Find ก็คือวิธีการค้นหา Backlink จากที่ไหนจะมี Drop Down Menu ให้เลือก โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. .edu Blogs ค้นหาและหาวิธีสร้าง BL จากการ Comment Blog ที่มี สกุล .edu ย่อมาจาก Education ซึ่งเป็นเว็บไซต์ หรือ Blog ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ซึ่ง Google ให้คะแนนความเชื่อถือจากตรงนี้มาก
2. .gov Blogs ค้นหาและหาวิธีสร้าง BL จากการ Comment Blog ที่มี สกุล .gov ย่อมาจาก government ซึ่งเป็นเว็บไซต์ หรือ Blog ที่เกี่ยข้องกับหน่วยงานของรัฐบาล เช่นเดียวกัน Google ให้คะแนนความน่าเชื่อถือและความสำคัญจาก Backlink ที่มาจาก .gov สูง
3. KeywordLuv Blogs ค้นหาและหาวิธีสร้าง BL จากการ Comment Blog ที่มีการใช้ Plug-in KeywordLuv ซึ่งจะได้ Backlink แบบ Dofollow
4. Directories Add Site, Add URL, Add Website ค้นหาและหาวิธีสร้าง BL จากเว็บจำพวก Directories หรือสารบัญเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งเว็บประเภทนี้จะเก็บรวบรวมเว็บไซต์ต่างๆ แยกออกเป็นกลุ่ม และหมวดหมู่ย่อย
5. Squidoo Lenses ค้นหาและหาวิธีสร้าง BL จากเว็บไซต์ Squidoo Lenses
6. Hubpages ค้นหาและหาวิธีสร้าง BL จากการ Comment เว็บไซต์ hubpages.com
7.Angela's Backlinks ค้นหาและสะกดรอยตามเพื่อสร้าง BL PR สูงหรือลิงค์คุณภาพ ตาม Angela's Backlinks
ก็เลือกการค้นหาในช่อง Find ตามความต้องการของเราเลยครับ แล้วก็หาวิธีสร้าง BL ไม่ยากใช่ไหมครับกับเครื่องมือค้นหา BL ตัวนี้ เบาแรงไปได้เยอะเลย ลองทดสอบและเล่นกันดูครับเผื่อจะต่อยอดอะไรได้อีกจากตรงนี้ครับ2013, By: Seo Master

seo Keyword Density คืออะไร ? ตอนที่ 2 2013

Seo Master present to you:
ส่วนสาเหตุที่ต้องมีการจำกัด % ของ Keyword Density เนื่องจาก การที่หน้าเวบของคุณมีความหนาแน่นมากๆ เหล่า Search Engine จะเพ่งเล็งเว็บของคุณเป็นพิเศษ เพราะนั่นถือว่าคุณกำลัง Spam Keyword เพื่อให้บอทอ่านมากเกินไปนั่นเอง ทั้งนี้ การคิด เปอร์เซ็นต์ Keyword นั้น ทุกๆ Search Engine จะไม่สนใจ พวก Stop Words และ Stop Phrases นะครับ Stop Words หรือ Stop Phrases คืออะไร ? ก็คือ คำที่ไม่เกี่ยวข้องในเนื้อหา ไม่มีความหมายซึ่งจะสามารถเป็น Keyword ได้ เช่นพวก a, is, the, so, that, this, are เป็นต้น ซึ่งสิ่งที่เราควรทราบก็คือ เครื่องมือวิเคราะห์เปอร์เซ็นต์ความหนาแน่นส่วนใหญ่ นั้น ไม่ฉลาดพอที่จะตัดพวก Stop Words เหล่านี้ทิ้งไป ในการคำนวณ Keyword Density ดังนั้นหมายความว่า ค่าเปอร์เซ็นต์ Keyword Density ที่เราวิเคราะห์ได้จากเครื่องมือ กับ Search Engine จะมีค่าไม่เท่ากัน (%ที่ Search Engine คิดได้จะสูงกว่าพวกเครื่องมือวิเคราะห์เหล่านี้ เพราะมีตัวหารน้อยกว่า) ทีนี้คงเข้าใจเรื่องราวของ Keyword Density พอสมควรแล้วนะครับ ไปปรับแต่งกันได้เลย ส่วนตัวผมปรับประมาณ ไม่เกิน 7% เท่านั้นเองครับ แนะนำเครื่องมือช่วยตรวจสอบความหนาแน่นของ Keyword ครับ Keyword Checker

เครดิต Seosamutprakarn2013, By: Seo Master

seo Keyword Density คืออะไร ? ตอนที่ 1 2013

Seo Master present to you:
Keyword Density คือความหนาแน่นของคำสำคัญ หรือ คีย์เวิร์ดของเว็บไซต์ ซึ่งจะส่งผลให้ Search Engine เข้าใจว่าเว็บไซต์ของเราต้องการสื่ออะไร หรือเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับอะไร ยกตัวอย่างเช่น ผมทำเว็บขึ้นมาหนึ่งเว็บ ชื่อเว็บว่า ลูกหมา.com ซึ่งชื่อเว็บบอกอยู่แล้วว่าจะต้องทำเกี่ยวกับหมา หรือลูกหมา แต่ถ้าในเว็บไซต์ของผมดันไปพูดถึงแต่เรื่อง Google เรื่องการหาเงิน Amazon Adsense มันคงไม่ถูกต้องนัก ดังนั้นในเว็บไซต์ ลูกหมา.com นี้ควรมีคำว่าลูกหมาอยู่ในบทความต่างๆ พอสมควร แต่ว่าไอ้พอสมควรเนี่ยคือเท่าไรกันเล่า จริง ๆ การคิด Keyword Density นั้น เราสามารถพิจารณาได้ทั้งสองแบบเลยครับ คือ
1. Keyword Density ทั้งเว็บ
2. Keyword Density เฉพาะบทความ 1 บทความ หรือ Page หนึ่ง Page
สมการของ Keyword Density คือ (จำนวน Keyword ที่เราสนใจ / จำนวนคำทั้งหมด)x100
โดยเปอร์เซนต์ความหนาแน่นที่เหมาะสม เป็นดังนี้ครับ
1. เราสามารถใส่ Keyword ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะไม่ให้ Google แบน คือ ประมาณ 12 – 20 % (อันนี้หมายถึงเปอร์เซ็นต์ Keyword ทั้งหมดของทั้งเวบนะครับ) โดยคุณสามารถที่จะรู้ได้ว่า % Keyword ทั้งหมดของเวบคุณอยู่ที่เท่าไหร่ โดยลอง Search ใน GG ด้วยคำว่า Keyword Density Analyzer ดูนะครับ จะเวบไซต์มากมายที่สามารถคำนวณ % Keyword ของเวบไซต์ของคุณได้  (ใส่ URL ของเวบ)
2. ทีนี้พูดถึง % Keyword เฉพาะบทความ 1 บทความ หรือ Page หนึ่ง Page สามาถแบ่งได้เป็น 2 กรณีดังนี้
2.1 กรณีเนื้อหาในหน้า Page นั้น มีคำมากเกิน 600 คำขึ้นไป ควรมี Keyword Density ไม่เกิน 10%
2.2 กรณีเนื้อหาในหน้า Page นั้น มีคำน้อยกว่า 600 คำ ควรมี Keyword Density ไม่เกิน 20 %
สาเหตุที่ต้องมี 2 กรณี คือ ในเนื้อหาสั้นๆ นั้นจะทำให้มีตัวหารน้อย ตัวเลขของความหนาแน่นก็จะมีมากขึ้นไปด้วยนั่นเอง

เครดิต Seosamutprakarn2013, By: Seo Master

seo 10 จุดสุดยอดในการใช้ Keyword ในการทำ SEO 2013

Seo Master present to you:
การใช้ Keyword ในการทำ Search engine Optimization หลายคนที่เป็นมือใหม่ อาจจะไม่มั่นใจหรือใช้ได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร หลังจากที่ได้อ่านบทความนี้ ผมเชื่อว่าน่าจะเป็นแนวทางให้สำหรับ ผู้ที่ยังไม่มั่นใจหรือยังไม่รู้ว่าจะใช้ยังไง ได้ไม่มากก็น้อยนะครับ อย่ามัวเสียเวลาครับเริ่มต้นกันเลยดีกว่า
1. ใช้ keyword ที่บริเวณ ชื่อหน้าเพจ (Title) ให้เราใส่ Keyword ที่เราต้องการจะใส่โดยให้น้ำหนักจากการเรียงจาก ซ้ายไปขวา ตัวอย่างการใช้งาน [title] keyword หลัก, keyword รอง, keyword อื่นๆ [/title] เป็นต้น
2. ใช้ keyword ที่บริเวณ ชื่อหัวข้อของเนื้อหา (Heading Tag) โดยการใช้ h1,h2,h3 เป็นต้น ตัวอย่างการใช้งาน [h1] Keyword [/h1] หรือ [h2] Keyword [/h2] เป็นต้น
3. ใช้ keyword ที่บริเวณ เนื้อหาในส่วนแรก (First Content) ให้ใส่ Keyword ไว้ในตำแหน่ง 20 คำแรกโดยประมาณ ให้ชัดเจน หรืออาจจะใช้ตัวอักษรลักษณะเอียงก็ได้ ตัวอย่างการใช้งาน [body][p] Keyword [/p][/body]
4. ใช้ keyword ที่บริเวณ ลิงค์เชื่อมโยงมาตรฐาน (Standard Text Link) คือการเชื่อมโยงในลักษณะ การใช้ Text link เป็นตัวเชื่อมโยง แล้วแทรก Keyword ผสมเข้าไปด้วย ตัวอย่างการใช้งาน [a href="http://www.yoursite.com"] Keyword [/a]
5. ใช้ keyword ที่บริเวณ เนื้อหาในส่วนสุดท้ายของหน้า (The Last Content) เพื่อเน้นย้ำ หรือใช้ในการสรุปเนื้อหา อาจจะใช้เป็นลักษณะตัวเอียงหรือหนาก็ได้ครับ ตัวอย่างการใช้งาน [p] Keyword [/p] [/body]
6. ใช้ keyword ที่บริเวณ เมนูเลื่อนลง (Drop Down Menu) Drop Down Menu นี้เป็นที่ซ่อน Keyword ที่ดีอีกที่ที่ไม่ควรมองข้ามนะครับ ตัวอย่างการใช้งาน [form] [option] Keyword [/option] [/form]
7. ใช้ keyword ตั้งชื่อไฟล์และโฟลเดอร์ (Folder Name, File Name) วิธีนี้ได้ผลเป็นที่น่าพอใจพอสมควรครับ กับการทดลองใช้ในหลายๆเว็บที่ผมลอง หากต้องใช้ Keyword มากกว่า 1 พยางค์ ควรใช้เครื่องหมาย "-" เป็นตัวคั่นกลาง ตัวอย่างการใช้งาน /Keyword/Keword.html,Keyword.jpg หรือ Keyword1-Keyword2.html
8. ใช้ keyword ที่บริเวณ คำอธิบายรูปภาพ (Images Alt Tag) การ ใช้ Tag Alt เข้าช่วยนั้นเพราะว่า Serach Engine นั้นไม่รู้จักรูปภาพเราสามารถบอก Search Engine รู้ว่าภาพนั้นเป็นภาพของอะไรได้โดยใช้ Tag Alt นี้เข้าช่วย ตัวอย่างการใช้งาน [img src="images address" alt="Keyword"]
9. ใช้ keyword ที่บริเวณคำอธิบาย ลิงค์ (Text Link Title) การใช้ Text Link Title นั้นคล้ายการใช้ Tag Alt เพียงแต่ Tag นี้ใช้อธิบาย Link ตัวอย่างการใช้งาน [a href="http://www.yoursite.com" title="Keyword"]Keyword [/a]
10. ใช้ Keyword จด Domain name ด้วย Keyword (Domain Name Register) การใช้ Keyword หลักของเว็บในการจด Domain Name นั้นหากทำได้ดีถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่งแล้วครับ

เครดิต ThaiSeo2013, By: Seo Master

seo 10 ขั้นตอน ในเรื่องของ Keyword กับการทำ OnPage SEO 2013

This summary is not available. Please click here to view the post.

seo [GET] Keyword Prodigy 2013

Seo Master present to you:
Keyword Prodigy


Keyword Prodigy

Uncovers hundreds of money-making keywords concealed by google, Yahoo & Bing. develop massive keyword registers!
Keyword Prodigy is a powerful, easy to use keyword proposal tool for Windows which finds and assembles hundreds or even thousands of concealed keyword suggestions from the most popular seek motors.

With one bang Keyword Prodigy finds a total of 4,063 keyword suggestions from Google, Google Product seek, Yahoo, Bing and amazon!

Save hours of keyword study time – No need to visit each seek motor to manually copy and paste keyword proposals from their seek cartons. Use Keyword Prodigy to do the work for you in minutes!

Download :  Keyword-Prodigy.Zip

2013, By: Seo Master
Powered by Blogger.