Les nouveautés et Tutoriels de Votre Codeur | SEO | Création de site web | Création de logiciel

seo Google PageRank (PR) คืออะไร ? 2013

Seo Master present to you:
Google Pagerank หรือ Google PR คือ ค่าลำดับคะแนนที่ Google ประเมินให้กับคุณภาพของเนื้อหา ในหน้าเว็บเพจแต่ละหน้า ที่ปรากฎ อยู่ในเว็บไซต์ โดยคะแนนที่ปรากฎจะอยู่ในช่วงระหว่าง 0 ถึง 10 ยิ่งตัวเลขยิ่งสูงยิ่งดี PageRank สูง นั่นหมายความว่าเว็บไซต์นั้นๆ มีโอกาสได้รับการจัดอันดับที่ดีกว่าเว็บไซต์ที่มี PageRank ต่ำกว่า สำหรับหน้าเว็บเพจที่ไม่มีค่า Pagerank ระบบจะแจ้งเป็น “No PageRank information available” (N/A)

* หัวใจ ของ PageRank คือ แลกลิงค์กับเว็บไซต์อื่นๆ ให้มาก และถ้าเป็นเว็บที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเว็บเรา และ เป็นเว็บที่มีค่า PR สูง ยิ่งทำให้เว็บไซต์เรามีค่า PR สูงขึ้นด้วย *

เราสามารถ Check ค่า PageRank ได้ที่เว็บไซต์ http://www.prchecker.info

เครดิต buddy2u, truehits.net2013, By: Seo Master

seo IP Class C ในความหมายของ SEO คืออะไร ? 2013

Seo Master present to you:
สำหรับ IP Class C ในความหมายของ SEO จะแตกต่างจากความหมายของ Technical Engineer อย่างสิ้นเชิง ซึ่งในบทความนี้จะกล่าวเฉพาะความหมายของ SEO

โดยปกติแล้ว IP จะเป็นตัวบอกถึงที่อยู่ของเว็บไซต์แต่ละเว็บไซต์ โดยแบ่งเป็น 4 Class หรือ 4 ส่วน แต่ละส่วนถูกคั่นด้วย จุด (.) คือ aaa.bbb.ccc.ddd โดยแต่ละส่วนนั้นจะเป็นตัวเลข มีค่าตั้งแต่ 0 – 255

ไอพี Class C คือ ไอพี่ ส่วนที่ 3 ก็คือส่วนของ ccc ดังตัวอย่างที่กล่าวมา ซึ่งในเชิง SEO นั้น IP Class C มีความสำคัญคือ โดยปกติแล้วโฮสติ้งแต่ละเจ้าจะมี IP Class C ที่แตกต่างกัน ทาง Google จะมองว่า ถ้าเว็บไซต์หลายๆเว็บมี IP Class C ที่เหมือนกัน ก็แสดงว่าเว็บไซต์เหล่านั้นอยู่บนโฮสตัวเดียวกัน และอาจเป็นเจ้าของคนเดียวกัน ถ้าเรานำเว็บเหล่านั้นมาลิงค์กันเองเยอะๆ Google ก็จะมองว่า เรากำลังพยายามโกงอันดับโดยการนำเว็บมาลิงค์กันเองเพื่อสร้าง Backlink ให้กันและกันระหว่างเว็บไซต์ตัวเอง (ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เว็บที่มี IP Class C เดียวกันอาจจะไม่ใช่เจ้าของคนเดียวกันก็ได้) ตรงนี้ Google ก็เลยมองว่า เว็บที่ดีควรจะมีลิงค์จากเว็บที่ต่าง Class C กัน เพราะถือว่าเป็นลิงค์จากเว็บไซต์ของคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกัน

เมื่อ Google คิดเช่นนี้เหล่าคนทำ SEO ก็เลยต้องพัฒนาตัวเอง หาช่องทางหลีกเลี่ยงให้ได้ จนเกิดเทคนิค ใส่ IP Class C จำนวนเยอะๆลงไปใน Hosting ตัวเดียว แล้วเปิดให้เช่าในราคาถูกเพื่อทำ SEO โดยเฉพาะ ปัจจุบันก็มีคนทำ SEO ที่มีทุนเยอะ จดโดเมน เช่าโฮสติ้งแบบ Multi Class C ในปริมาณเยอะๆ เพื่อนำมาลิงค์กันเอง จนยากแก่การตรวจจับ

แต่ Google ก็ไม่ได้ยอมแพ้ต่อเทคนิคของเหล่า SEO ในปัจจุบัน นอกจาก Class C แล้ว Google ยังพิจารณาถึง MAC Address ของเครื่องอีกด้วย สำหรับ MAC Address นั้น ขออธิบายคร่าวๆคือ รหัสของเครื่อง Hosting และละตัว ซึ่งติดมากับ Hardware ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

โดย IP Class C ที่ดีนั้นจะต้องมาจาก Hosting ที่มี MAC Address ที่ต่างกันอีกด้วย จึงจะได้ผลที่ดี ทั้งนี้ Hosting ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่จะทำให้ เว็บไซต์ประสบความสำเร็จในการทำ SEO เราต้องปรับร่วมกับปัจจัยอื่นอย่างเหมาะสมจึงจะได้ผลดีที่สุด

เครดิต one.in.th2013, By: Seo Master

seo 10 ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการทำ SEO ตอนที่ 1 2013

Seo Master present to you:
กระบวนการทำ SEO หรือ Search Engine Optimization นี้ มีผู้เข้าใจผิดอยู่มากมาย ถึงขั้นมองเห็นแบบตรงข้ามกับที่เหล่านักทำ SEO ทำกันเลยทีเดียว เราลองมาดูกันบ้างว่าความเข้าใจผิดต่อการทำ SEO ที่ผู้ที่ไม่รู้หรือแม้แต่ผู้ที่รู้ ก็ยังเข้าใจผิดอยู่ตลอด

1. ความเชื่อที่ผิดคือ SEO คือการทำทุกอย่างเพื่อให้ได้แบคลิงค์ แม้ว่า แบคลิงค์จะมีคุณค่า แต่การทำทุกอย่างเพื่อให้ได้แบคลิงค์ ไม่ว่าจะเป็นการสแปม หรือโพสในเว็บที่ไม่เกี่ยวข้อง สิ่งที่ทำให้วงการ SEO เป็นที่ติเตียนของนักท่องเว็บ หรือนักทำเว็บ ก็คือการสแปมไปทั่ว ยกตัวอย่างเช่นการโพสในเว็บบอร์ดในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้อง ปั๊มกระทู้ สแปมคอมเมนท์ หรือแม้กระทั่วเว็บ Social Network ก็ตกเป็นเป้าของนักสแปม จนกระทั่งมีคำกล่าวที่น่าตกใจจากนักทำเว็บโฮสติ้งว่า ‘SEO คือการสแปม’ ทั้งๆที่ที่จริงแล้ว แบคลิงค์ที่เราควรจะได้คือแบคลิงค์แบบธรรมชาติ ในเว็บที่เกี่ยวข้องต่างหาก นอกจากการสแปมแล้ว สิ่งที่เป็น Controversy หรือข้อโต้แย้งที่ใหญ่ที่สุดของกระบวนการการได้มาของลิงค์คือ การซื้อขายลิงค์ ทั้งทางตรง หรือทางอ้อม ซึ่งถ้ามองในแง่ความจริง การซื้อขายลิงค์ก็ถือเป็นกลไกธรรมชาติอย่างหนึ่ง ในระบบทุนนิยม แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งที่มากไปจนผิดธรรมชาติ ย่อมไม่เป็นผลดีต่อการบิดเบือนธรรมชาติของการค้นหาโดย Search Engine เช่นกัน อย่าลืมว่า Search Engine ถือว่าหน้าเว็บค้นหาของเขาคือหน้าบ้าน ถ้าหากมีการเบี่ยงเบนจากเว็บที่มีเงิน แต่ไม่มีคุณภาพ มาหน้าแรกมากๆ ย่อมส่งผลเสียต่อความนิยมของ Search Engine อย่างไม่ต้องสงสัย ดังที่ Matts Cutts วิศวกรของ Google เคยเปรยเอาไว้ว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องควบคุมการซื้อขายลิงค์ และเปิดรับแจ้งเรื่องไปยัง Google อย่างเป็นระบบ

2. ความเชื่อที่ว่าเว็บที่ติดอันดับดี จาก SEO ย่อมจะดีมีคุณค่ากว่า อันนี้เห็นๆกันจากข้อแรกว่า เมื่อมีการปรับแต่งอย่างเต็มที่ เว็บที่ธรรมดา หรือคุณภาพด้อย ก็อาจเข้ามาอยู่ในหน้าแรกๆได้เช่นกัน ถ้ามีเงิน มีเครือข่าย อันนี้ถือเป็นโจทย์ที่ท้าทาย Search Engine อยู่ตลอดมาว่าจะทำอย่างไรจึงจะกรองเอาเนื้อหาที่คนใช้ต้องการ อย่างแท้จริง มาอยู่หน้าแรก จะเห็นได้ว่าทรัพยากรจำนวนมากของ Search Engine มากองอยู่ที่การปรับเปลี่ยน Algorithm เพื่อกรองเอาเว็บคุณภาพด้อยเหล่านั้นออกไป

3. ความเชื่อที่ว่า SEO คือการสร้างเว็บ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดจะขาดไปเสียมิได้ จริงอยู่ที่ว่าปัจจุบันเว็บดีๆถึงดีมาก แต่ไร้ซึ่งการปรับแต่งแบบ SEO ก็เปรียบเสมือนเพชรที่อยู่ในทะเลลึกยากจะมีคนเข้าหา การทำเว็บแบบสมัยใหม่ อาศัยปากต่อปาก การจะเกิดมาในโลกออนไลน์ค่อนข้างยาก ยกเว้นว่าจับกลุ่มได้ถูกต้อง นักทำเว็บไซต์รุ่นใหม่จึงหันมาสร้างความโดดเด่นทางด้าน SEO การทำเว็บให้ดี สำคัญกว่าการปรับแต่ง SEO ซึ่งอาจใช้เงินจำนวนมาก อย่าละเลยพื้นฐานของเว็บไซต์ที่ดี นั่นคือ เนื้อหา หน้าตาของเว็บ ความถูกต้อง ระบบบนำทางที่ดี การดีไซน์ที่ดีหรือมีเอกลักษณ์ และเนื้อหาที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ที่สำคัญคือการสร้าง SEO ไม่สามารถสร้าง Brand ได้ จะเห็นว่า Brand ดังๆ ไม่ได้เกิดมาจาก SEO หรือไม่ได้สนใจเรื่องของ SEO เลยด้วยซ้ำ แต่ผู้คนจะกล่าวถึงความประทับใจในจุดอื่นๆ และรายละเอียดอื่นๆ  ของเว็บไซต์

4. การปรับแต่ง SEO ต้องทำอยู่ตลอดเวลาห้ามหยุด อันนี้ก็เป็นความเข้าใจผิดเช่นกัน นักทำ SEO ที่ดีจะรู้จุดและเวลา จะต้องประมาณตน และคิดเสมอว่า การใส่ปุ๋ยที่มากไป ก็จะมีโทษได้เหมือนกัน การเพิ่มแบคลิงค์อย่างรวดเร็ว การทำ Onpage อย่างขมักเขม้นทุกจุด การปรับแต่งทุกวันสำหรับ Keyword Density หรืออื่นๆ เป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิงถ้าไม่รู้จักการประมาณเวลา หรือ Timing ว่า Search Engine มี Time Cycle ในการ เข้าถึงเว็บเราถี่เพียงใด มีการปรับปรุงดาต้าเบสและผลการค้นหาถี่บ่อยแค่ไหน มันจะยิ่งยุ่งยากถ้าเราคำนวนถึงจุดที่ว่า Search Engine มาเก็บหน้าแบคลิงค์ที่มีเว็บเราด้วยในอัตราเท่าไร ดังนั้น การทำ SEO ที่ดี เหมือนการขับขี่รถที่ต้องมีการกดคนเร่ง ปล่อยคันเร่ง แตะเบรค ชลอ เพื่อดูว่า สิ่งที่เราปรับจูนนั้นๆ มันถึงจุดที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงหรือยัง หรือว่าทำมากเกินไป

5. ปรับแต่งเต็มที่แล้วมักจะได้ผลเสมอ อันนี้เป็นสิ่งที่นักทำ SEO ทราบกันดีว่า การปรับแต่งแม้แต่เหมือนกัน 100% ก็ไม่เสมอไปที่จะทำให้อันดับใกล้เคียงกัน 100% อันนี้เป็นสิ่งที่เรียกกันเล่นๆว่า แล้วแต่คนกด หมายถึงว่า ในบางขณะ Search Engine ก็มีการเข้ามา Manipulate โดยคน (อันนี้อาจไม่ใช่จากคนกดปุ่ม แต่อาจหมายถึงปุ่มบุคมาร์คหรือปุ่มโหวตบนโปรแกรมฝังตัวที่ Google เก็บข้อมูลจาก Users ทุกคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์) สิ่งนี้สะท้อนกลับมาถึงข้อจำกัดหลายๆอย่าง อย่างแรกคือการทำ SEO บางทีไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว อย่างที่สองคือ สูตรที่มีผู้คิดนั้น เปลี่ยนไปมาตลอดเวลา

เครดิต seo.thaihealth2013, By: Seo Master

seo Googlebot คืออะไร ? 2013

Seo Master present to you:

Googlebot หรือ Googlespider นั้นมีหน้าที่หลักๆ ก็คือการเข้าไป Crawling และทำสำเนาข้อมูลหน้าเพจ ของเว็บไซต์หรือบล็อกต่างๆ เพื่อใช้ในการทำดัชนี (Index) โดยจะไต่ไปตามลิงค์ต่างๆ ที่มีอยู่ในหน้าเพจหรือเว็บไซต์ การทำงานของ Googlebot นั้นจะทำการบันทึกข้อมูลต่างๆ ที่ได้รับจากหน้าเพจเข้าสู่ฐาน ข้อมูลของ Google Server เพื่อใช้ในการประมวลผลและจัดอันดับตามความเหมาะสมที่ระบบของ Google สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ นอกจากนี้การไต่ไปตามหน้า เพจต่างๆ นั้นก็จะมีการเข้ามาตรวจสอบข้อมูลใหม่ๆ อีกเรื่อยๆ เพื่อทำการบันทึกข้อมูลที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงในหน้าเพจเก่าที่เคยบันทึกไป แล้วด้วยเช่นกัน นั่นก็แสดงว่าถ้าเราอัพเดทข้อมูลเว็บเราบ่อยๆบอทมันจะเข้ามาเว็บเราบ่อยตาม ไปด้วย

Google Bot หรือ Google Spider นั้นมีด้วยกัน 2 ชนิดหลักๆดังนี้ครับ

Deepbot = ทำงานเพียงเดือนละครั้งเท่านั้น

Freshbot = ทำงานทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

เพื่อเราจะได้เข้าใจกลไกการทำของเขาได้มากยิ่งขึ้นเราลองมาดูคำอธิบายน้อยๆกันข้างล่างครับ

Deepbot

Deepbot เป็น Spider ตัวหนึ่งของ Google ที่มีนิสัยชอบไปไหนมาไหนไกลๆ เป็นนักค้นหาครับเจ้านี้และขยันมากๆ ครับจะค้นทุกอย่างที่ใครต่อใครไม่เคยรู้เจ้า Spider ตัวนี้จะรู้หมดครับ และหาเจอทุกอย่างที่มีอยู่ในโลกออนไลน์ (อันนี้แหละที่แม้แต่ในระบบที่ล็อกอินก็ยังเข้าไปบันทึกได้) เพราะเดินทางไปเรื่อยๆ และก็จะค้นๆๆๆ แม้แต่เว็บที่ไม่เคยมีการโปรโมทเลยเขาก็หาพบ เจ๋งมากๆ ตัวนี้แต่ด้วยเหตุที่เจาะทะลุทะลวงและเดินทางไกลๆ นี่เองทำให้ Deepbot สามารถทำงานได้ เพียงเดือนละครั้งเท่านั้นครับ โอ้พระเจ้าช่วยตัวนี้เขาแรงจริงๆ

Freshbot

Freshbot จะทำหน้าที่ในการไล่ตรวจข้อมูลเก่าๆ และข้อมูลใหม่ๆ ที่มีการนำเสนอบ่อยๆ เช่นบล็อกต่างๆ รวมไปถึงไปตรวจเว็บที่ Deepbot เคยไปเก็บบันทึกมาอย่างมากมายด้วย ทั้งนี้ Freshbot จะทำหน้าที่ในการตรวจสอบข้อมูลใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันและขยันมากๆ ครับในแต่ละวันนั้น Freshbot จะเข้าไปตรวจหน้าเพจต่างๆ ทั้งเก่าและใหม่หลายๆ ครั้ง ยิ่งเว็บไหนหรือบล็อกไหนอัพเดทบ่อยๆ ยิ่งไปบ่อยครับนั่นเลยทำให้ได้รับข้อมูลอะไรต่างๆ ที่ใหม่และสดอยู่เสมอนั่นเอง

เครดิต thaievo 2013, By: Seo Master
Powered by Blogger.