Les nouveautés et Tutoriels de Votre Codeur | SEO | Création de site web | Création de logiciel

seo Google เริ่มปรับเปลี่ยนการค้นหารูปแบบใหม่!! 2013

Seo Master present to you:
หลายคนคิดว่า Google พยายามจะอ่านความคิดความต้องการของผู้ใช้ทั่วโลก โดยเฉพาะ "คำตอบ" ที่ว่าเรากำลังต้องการค้นหาอะไร? ล่าสุดทางบริษัทกำลังปรับใหญ่สำหรับกลไกการค้นหาที่ลึกซึ้งกว่าเดิม และให้ผลตอบที่โดนใจผู้บริโภคมากกว่าการให้ผลลัพธ์แค่ "Link"

Amit Singhal วิศวกรลูกหม้อของ Google กล่าวว่า ทางบริษัทต้องการให้ผู้ใช้ได้ผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้มากกว่านี้ โดยการใช้กลไกที่เรียกว่า Semantic Search ซึ่งมันจะพยายามจัดลำดับสิ่งที่มีความหมายกับผู้ใช้จริงๆ ทันทีที่คุณกำลังพิมพ์คีย์เวิร์ดเข้าไปในช่องค้น Singhal ยังบอกอีกด้วยว่า มันคือเสิร์ชต่อไปหลังจากที่เราใช้กลไกการค้นหาแบบเดิมๆ มาหลายปีแล้ว โดยประเด็นของเสิร์ชยุคใหม่ที่วิศวกรของ Google พูดถึง และน่าสนใจมากๆ ก็คือ การทำให้ Google สามารถให้คำตอบกับผู้ใช้ได้ทันทีโดยไม่ต้องออกไปจากหน้าผลลัพธ์การค้น เหตุผลนอกจากความต้องการให้บริการเสิร์ชที่เยี่ยมยอดกับผู้ใช้ทั่วโลกแล้ว ไอเดียเบื้องหลังนี้ก็คือ ยิ่งผู้ใช้ Google ใช้เวลากับบริการเสิร์ชนานเท่าไร โอกาสทำรายได้จากโฆษณาของบริษัทก็จะเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น


ตัวอย่างเช่น ตอนนี้ การค้นหาว่า นักร้อง หรือวงดนตรีใดที่กำลังจะมีคอนเสิร์ทวันไหน แทนที่ Google จะให้ลิงค์ของคำตอบกับผู้ค้น Google จะแสดงออปชัน "personal results" (ผลลลัพธ์การค้นเฉพาะบุคคล) จากเพื่อนๆ ที่อยู่ในบริการ circles บน Google+ ด้วย เช่นเดียวกับผลลัพธ์การค้นปกติ ซึ่งที่ส่วนท้ายของหน้าค้นหา ผู้ใช้ยังสามารถเห็นรายการสำหรับการค้นหาที่เฉพาะเจาะจงลงไป ซึ่งอาจจะตรงกับสิ่งที่ผู้ใช้กำลังค้นหาอยู่ก็ได้ "ทุกวันนี้ เรา (Google) กำลังปรับปรุงความสามารถตลอดเวลา เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับคำตอบที่ดีที่สุด และเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ สำหรับทุกคำถามที่ป้อนเข้าไปในช่องค้น ในการทำสิ่งนี้ เราได้แปลงข้อมูลดิบเข้าไปเป็นฐานความรู้สำหรับผู้ใช้หลายล้านคนทั่วโลก แต่ความสามารถของเราในการที่จะส่งมอบประสบการณ์นี้ได้คือ ฟังก์ชันการทำงานของ Google จะต้องเข้าใจคำถามของคุณ และเข้าใจข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่บนโลกใบนี้ ซึ่งตอนนี้ ความเข้าใจของเราสำหรับการหาคำตอบในเรื่องดังกล่าวเริ่มปะติดปะต่อเป็นรูปร่างที่ชัดเจนขึ้นแล้ว แต่ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง"


วิศวกรของ Google ยังเปิดเผยอีกด้วยว่า ในช่วงสองปีที่ผ่านมา Google ได้รวบรวมข้อมูลต่างๆ (entities) ที่เกี่ยวของกับคน สถานที่ และสิ่งของ หลายร้อยล้านรายกร เข้าไปในซีแมนทิคเสิร์ช ซึ่งมันสามารถดึงข้อมูลเกี่ยวกับผู้บริหาร สถานที่ และผลิตภัณฑ์ให้แสดงขึ้นมา เมื่อคุณค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทใดบริษัทหนึ่งโดยเฉพาะ โดย Singhal ได้พูดถึง Freebase ฐานข้อมูลที่ Google ซื้อมาเมื่อปี 2010 ที่ในขณะนั้น Freebase ได้รวบรวมเอ็นทิตี และคุณสมบัติที่เชื่อมโยงกันไว้มากกว่า 12 ล้านรายการ จนล่าสุดตอนนี้ Freebase มีฐานข้อมูลของสิ่งต่างๆ ที่เชื่อมโยงกันมากกว่า 200 ล้านรายการแล้ว

การใช้ "คีย์เวิร์ด" ในการค้นหาเพียงอย่างเดียวได้หมดยุคไปแล้ว Singhal ระบุในข้อความที่โพสต์ว่า ขณะนี้การเสิร์ชด้วยกลไกของ Semantic ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และยังต้องดำเนินต่อไป โดยขอให้ผู้ใช้ใจเย็นๆ ซึ่งเขาจะเปิดเผยเรื่องนี้อีกครั้ง (แน่นอนว่า หากมีการอัพเดทในเรื่องนี้อย่างไรจะรีบหยิบมานำเสนอให้ทุกท่านได้ทราบทันที) เมื่อเห็นภาพการทำงานที่ชัดกว่านี้ ปัจจุบัน Google มีส่วนแบ่งตลาดเสิร์ชอยู่ที่ 75% และทำรายได้ให้บริษัทสูงถึงสามหมื่นเจ็ดพันล้านเหรียญฯ

เครดิต : Arip2013, By: Seo Master

seo Keyword Density คืออะไร ? ตอนที่ 1 2013

Seo Master present to you:
Keyword Density คือความหนาแน่นของคำสำคัญ หรือ คีย์เวิร์ดของเว็บไซต์ ซึ่งจะส่งผลให้ Search Engine เข้าใจว่าเว็บไซต์ของเราต้องการสื่ออะไร หรือเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับอะไร ยกตัวอย่างเช่น ผมทำเว็บขึ้นมาหนึ่งเว็บ ชื่อเว็บว่า ลูกหมา.com ซึ่งชื่อเว็บบอกอยู่แล้วว่าจะต้องทำเกี่ยวกับหมา หรือลูกหมา แต่ถ้าในเว็บไซต์ของผมดันไปพูดถึงแต่เรื่อง Google เรื่องการหาเงิน Amazon Adsense มันคงไม่ถูกต้องนัก ดังนั้นในเว็บไซต์ ลูกหมา.com นี้ควรมีคำว่าลูกหมาอยู่ในบทความต่างๆ พอสมควร แต่ว่าไอ้พอสมควรเนี่ยคือเท่าไรกันเล่า จริง ๆ การคิด Keyword Density นั้น เราสามารถพิจารณาได้ทั้งสองแบบเลยครับ คือ
1. Keyword Density ทั้งเว็บ
2. Keyword Density เฉพาะบทความ 1 บทความ หรือ Page หนึ่ง Page
สมการของ Keyword Density คือ (จำนวน Keyword ที่เราสนใจ / จำนวนคำทั้งหมด)x100
โดยเปอร์เซนต์ความหนาแน่นที่เหมาะสม เป็นดังนี้ครับ
1. เราสามารถใส่ Keyword ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะไม่ให้ Google แบน คือ ประมาณ 12 – 20 % (อันนี้หมายถึงเปอร์เซ็นต์ Keyword ทั้งหมดของทั้งเวบนะครับ) โดยคุณสามารถที่จะรู้ได้ว่า % Keyword ทั้งหมดของเวบคุณอยู่ที่เท่าไหร่ โดยลอง Search ใน GG ด้วยคำว่า Keyword Density Analyzer ดูนะครับ จะเวบไซต์มากมายที่สามารถคำนวณ % Keyword ของเวบไซต์ของคุณได้  (ใส่ URL ของเวบ)
2. ทีนี้พูดถึง % Keyword เฉพาะบทความ 1 บทความ หรือ Page หนึ่ง Page สามาถแบ่งได้เป็น 2 กรณีดังนี้
2.1 กรณีเนื้อหาในหน้า Page นั้น มีคำมากเกิน 600 คำขึ้นไป ควรมี Keyword Density ไม่เกิน 10%
2.2 กรณีเนื้อหาในหน้า Page นั้น มีคำน้อยกว่า 600 คำ ควรมี Keyword Density ไม่เกิน 20 %
สาเหตุที่ต้องมี 2 กรณี คือ ในเนื้อหาสั้นๆ นั้นจะทำให้มีตัวหารน้อย ตัวเลขของความหนาแน่นก็จะมีมากขึ้นไปด้วยนั่นเอง

เครดิต Seosamutprakarn2013, By: Seo Master

seo 10 จุดสุดยอดในการใช้ Keyword ในการทำ SEO 2013

Seo Master present to you:
การใช้ Keyword ในการทำ Search engine Optimization หลายคนที่เป็นมือใหม่ อาจจะไม่มั่นใจหรือใช้ได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร หลังจากที่ได้อ่านบทความนี้ ผมเชื่อว่าน่าจะเป็นแนวทางให้สำหรับ ผู้ที่ยังไม่มั่นใจหรือยังไม่รู้ว่าจะใช้ยังไง ได้ไม่มากก็น้อยนะครับ อย่ามัวเสียเวลาครับเริ่มต้นกันเลยดีกว่า
1. ใช้ keyword ที่บริเวณ ชื่อหน้าเพจ (Title) ให้เราใส่ Keyword ที่เราต้องการจะใส่โดยให้น้ำหนักจากการเรียงจาก ซ้ายไปขวา ตัวอย่างการใช้งาน [title] keyword หลัก, keyword รอง, keyword อื่นๆ [/title] เป็นต้น
2. ใช้ keyword ที่บริเวณ ชื่อหัวข้อของเนื้อหา (Heading Tag) โดยการใช้ h1,h2,h3 เป็นต้น ตัวอย่างการใช้งาน [h1] Keyword [/h1] หรือ [h2] Keyword [/h2] เป็นต้น
3. ใช้ keyword ที่บริเวณ เนื้อหาในส่วนแรก (First Content) ให้ใส่ Keyword ไว้ในตำแหน่ง 20 คำแรกโดยประมาณ ให้ชัดเจน หรืออาจจะใช้ตัวอักษรลักษณะเอียงก็ได้ ตัวอย่างการใช้งาน [body][p] Keyword [/p][/body]
4. ใช้ keyword ที่บริเวณ ลิงค์เชื่อมโยงมาตรฐาน (Standard Text Link) คือการเชื่อมโยงในลักษณะ การใช้ Text link เป็นตัวเชื่อมโยง แล้วแทรก Keyword ผสมเข้าไปด้วย ตัวอย่างการใช้งาน [a href="http://www.yoursite.com"] Keyword [/a]
5. ใช้ keyword ที่บริเวณ เนื้อหาในส่วนสุดท้ายของหน้า (The Last Content) เพื่อเน้นย้ำ หรือใช้ในการสรุปเนื้อหา อาจจะใช้เป็นลักษณะตัวเอียงหรือหนาก็ได้ครับ ตัวอย่างการใช้งาน [p] Keyword [/p] [/body]
6. ใช้ keyword ที่บริเวณ เมนูเลื่อนลง (Drop Down Menu) Drop Down Menu นี้เป็นที่ซ่อน Keyword ที่ดีอีกที่ที่ไม่ควรมองข้ามนะครับ ตัวอย่างการใช้งาน [form] [option] Keyword [/option] [/form]
7. ใช้ keyword ตั้งชื่อไฟล์และโฟลเดอร์ (Folder Name, File Name) วิธีนี้ได้ผลเป็นที่น่าพอใจพอสมควรครับ กับการทดลองใช้ในหลายๆเว็บที่ผมลอง หากต้องใช้ Keyword มากกว่า 1 พยางค์ ควรใช้เครื่องหมาย "-" เป็นตัวคั่นกลาง ตัวอย่างการใช้งาน /Keyword/Keword.html,Keyword.jpg หรือ Keyword1-Keyword2.html
8. ใช้ keyword ที่บริเวณ คำอธิบายรูปภาพ (Images Alt Tag) การ ใช้ Tag Alt เข้าช่วยนั้นเพราะว่า Serach Engine นั้นไม่รู้จักรูปภาพเราสามารถบอก Search Engine รู้ว่าภาพนั้นเป็นภาพของอะไรได้โดยใช้ Tag Alt นี้เข้าช่วย ตัวอย่างการใช้งาน [img src="images address" alt="Keyword"]
9. ใช้ keyword ที่บริเวณคำอธิบาย ลิงค์ (Text Link Title) การใช้ Text Link Title นั้นคล้ายการใช้ Tag Alt เพียงแต่ Tag นี้ใช้อธิบาย Link ตัวอย่างการใช้งาน [a href="http://www.yoursite.com" title="Keyword"]Keyword [/a]
10. ใช้ Keyword จด Domain name ด้วย Keyword (Domain Name Register) การใช้ Keyword หลักของเว็บในการจด Domain Name นั้นหากทำได้ดีถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่งแล้วครับ

เครดิต ThaiSeo2013, By: Seo Master

seo 10 ขั้นตอน ในเรื่องของ Keyword กับการทำ OnPage SEO 2013

This summary is not available. Please click here to view the post.

seo ความสำคัญของ Meta Tag ตอนที่ 3 2013

Seo Master present to you:
มาต่อกันเลยครับกับ Meta Revisit-After Tag ที่ใช้สำหรับบอกกับ Robot ของ Search Engine ว่าให้มาเก็บข้อมูลอีกทีในอีกกี่วัน เหมาะสำหรับเว็บที่มีการอัพเดทข้อมูลไม่บ่อย ตัวเลขเราสามารถที่จะระบุได้ตามที่เราต้องการครับ
<meta name=”revisit-after” content=”7 days” />
Meta Tag ที่ใช้สำหรับบอกเครื่องมือที่ใช้ในการสร้างเว็บเพจนี้ ใส่ชื่อโปรแกรมที่ใช้ในการสร้างลงไป
<meta name="generator" content="Dreamweaver">
Meta Tag ที่ใช้สำหรับสั่งให้ Refresh หน้าเว็บเพจที่แสดงผลอยู่อัตโนมัติ เลข 3 คือ จำนวนวินาทีที่ต้องการให้ Refresh index.html คือใส่ข้อมูลหน้าีที่ต้องการให้ Refresh
<meta http-equiv="refresh" content="3; url=index.html">
Meta Tag สำหรับสั่งให้ Re-direct หน้าเว็บเพจอัตโนมัติ Redirect คือการให้เปลี่ยนหน้าเว็บเพจที่แสดงผลอยู่ ไปแสดงผลอีกหน้าที่เราตั้งไว้โดยอัตโนมัติ เลข 5 คือจำนวนวินาทีที่จะให้แสดงหน้าแรกก่อน 5 วินาทีจึงจะเปลี่ยนไปแสดงอีกหน้าที่เราตั้งไว้ Url คือเว็บไซต์ที่เราต้องการให้ Re-direct ไป
<meta http-equiv="refresh" content="5;url=http://www.pookpligg.com">
Meta Tag สำหรับสั่งไม่ให้ Robot ของ Search Engine มาเก็บหน้าที่แสดงผล
<meta name="robots" content="noindex,nofollow">2013, By: Seo Master

seo ความสำคัญของ Meta Tag ตอนที่ 2 2013

Seo Master present to you:
Meta Keyword Tag
ที่ใช้บอกและแสดงสำหรับคำค้นหา บอกคำที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในหน้าเว็บเพจนั้นๆ สามารถใส่ได้หลายคำค้นหา แนะนำ 1 - 3 คีย์เวิร์ดครับ โดยใช้เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ (,) เป็นตัวคั่นครับ
<meta name="keywords" content="ความรู้ SEO,บทความ SEO,SEO เบื้องต้น">
Meta Description Tag
คำสั่งที่ที่ใช้บอกรายละเอียดต่างๆโดยรวม ที่เกี่ยวกับเว็บเพจนั้น โดยเขียนให้รายละเอียด สัมพันธ์กับคีย์เวิร์ดและเนื้อหาของเว็บเพจ
<meta name="description" content="สอนทำ SEO เบื้องต้นแบบง่ายๆ เหมาะสำหรับมือใหม่">
Meta Author Tag
คำสั่งที่ใช้สำหรับบอกชื่อผู้เขียนเว็บเพจนี้
<meta name="author" content="SeoGang">
Meta Copyright Tag
คำสั่งที่ใช้สำหรับบอกผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์
<meta name="copyright" content="SeoGang">
Meta Language Tag
คำสั่งที่ใช้สำหรับบอกว่า หน้าเว็บไซต์นั้นๆ มีเนื้อหาเป็นภาษาอะไร
<meta http-equiv=”content-language” content=”th” />2013, By: Seo Master

seo ความสำคัญของ Meta Tag ตอนที่ 1 2013

Seo Master present to you:
Meta Tag คือ คำสั่งที่ใช้บอกข้อมูลที่เราประกาศเอาไว้ใน Code บนส่วนหัว <head> </head> ของเอกสาร HTML โดยข้อมูลในส่วนนี้จะถูก Robot ประมวลผลก่อนจะทำการเก็บข้อมูลเว็บเพจ โดยคำสั่ง Meta Tag จะแจ้งรายละเอียดต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บเพจ เช่น Title , Keyword, Description, Author เป็นต้น โดย Search Engine จะทำการเก็บข้อมูลในส่วนนี้นำเอาไปประมวลผลการจัดเก็บเว็บไซต์ และอ้างอิงเว็บไซต์ของเรา การใช้งานคำสั่ง Meta Tag รูปแบบการเขียนนั้นจะมีรูปแบบการเขียนหลายแบบ ในที่นี้เราจะยกตัวอย่างรูปแบบการเขียน โดยมีรายละเอียด ดังตัวอย่างภาพต่อไปนี้


เรามาดูคำสั่งแรกกันเลยครับ Meta Tag ที่ใช้กำหนด หรือระบุชนิดตัวอักษร ว่าจะให้แสดงผลด้วยชุดอักษรแบบใดกับ Browser

<meta http-equiv="content-type" content="text/html; charset=tis-620">

Meta Tag นี้จะบอกชุดชนิดตัวอักษรที่ให้ใช้ชุดตัวอักษร Tis-620 สำหรับเปิดเว็บเพจของเรา2013, By: Seo Master

seo คำสั่งไฟล์ robot.txt 2013

Seo Master present to you:
ต่อไปเรามาดูคำสั่งในไฟล์ robot.txt กัน คำสั่งแรก User-agent: คือคำสั่งที่เราจะให้ Robot ของค่ายไหนเข้ามาเก็บข้อมูลได้บ้าง เช่น User-agent: Googlebot หรือจะให้เฉพาะ Robot บางตัวเข้ามาเก็บข้อมูล เช่น User-agent: Googlebot User-agent: Scooter หรือให้ Robot ทุกตัวเข้ามาเก็บข้อมูลก็ User-agent:*
ต่อไปมาดูคำสั่ง Disallow: คือคำสั่งที่จะบอกให้ Robot ว่าไม่อนุญาตให้เก็บไฟล์หรือข้อมูลไหนบ้าง เช่น Disallow: / ตามด้วยเครื่องหมาย / ก็คือบอกให้ Robot รู้ว่าไม่อนุญาตให้เก็บไฟล์ทุกไฟล์ในเว็บของเราเลย หรือ Disallow: เว้นว่างคำสั่งนี้คืออนุญาตให้ Robot เก็บไฟล์ข้อมูลได้ทุกไฟล์ เป็นต้น

เรามาลองดูตัวอย่าง ในตัวอย่างนี้คือให้ Robot Search Engine เข้ามาเก็บข้อมูลได้แต่ยกเว้น Folder templates 3rdparty และ libs เป็นต้น

User-agent: *
Disallow: /templates/
Disallow: /3rdparty/
Disallow: /libs/

เรามาลองดูตัวอย่างอีกซักตัวอย่าง ในตัวอย่างนี้คือให้อนุญาตให้เฉพาะ Robot Google สามารถเข้ามาเก็บข้อมูลได้ Search Engine ตัวอื่นๆไม่อนุญาตให้เก็บข้อมูล

User-agent: Google
Disallow:
User-agent: *
Disallow: /

ลองประยุกต์ใช้ดูตามรูปแบบการใช้งานของเว็บเรานะครับ แต่ถ้ายังไม่ค่อยเข้าใจหรือเบื่อที่จะเขียน หรือพิมพ์เอง แนะนำเว็บที่ Gen Code robot.txt ให้เราตามลิงค์เลยครับ Gen Robot ส่วนวิธีการใช้งานก็ง่ายๆครับ ลองศึกษาดูไม่ยากเกินความสามารถแน่นอน2013, By: Seo Master

seo robot.txt คือ ? 2013

Seo Master present to you:

robot.txt คือ คือไฟล์ที่เอาไว้กำหนดทิศทางการทำงานของ Bot ในการ Index ข้อมูลของเว็บไซต์ของเรา กล่าวคือหลังจากที่เราได้ทำโครงสร้างของเว็บไซต์ของเราเสร็จแล้ว แต่มีข้อมูลบางส่วนที่ไม่ต้องการจะเผยแพร่ ไม่ต้องการที่จะให้ Bot เข้ามาทำการเก็บข้อมูล เราจะสร้างไฟล์ robot.txt ขึ้นมาเพื่อกำหนดการทำงานให้ Bot ที่จะมาเก็บข้อมูลใน Web Site ของเรา ว่าสามารถที่จะเข้าไปเก็บข้อมูลในส่วนไหนได้บ้าง และเป็น Bot ของ Search Engine ไหนที่จะเข้าไปได้ ในส่วนของไฟล์ robot.txt นั้นจะถูกเก็บไว้ที่ส่วนนอกสุดของ Root Directory เช่น http://www.yourdomain.com/robot.txt2013, By: Seo Master

seo แนะนำ 3 ผู้ให้บริการ Ping Website ชื่อดัง 2013

Seo Master present to you:



แนะนำเว็บไซต์ที่ให้บริการ Free Ping เพื่อเรียกบอทให้มา Claw เว็บ และ บล็อก ของเราเพื่อ Index ลงฐานข้อมูลของ Search Engine เวลาที่มีการ Update ข้อมูล Website หรือ Update ข้อมูล Blog ของเรา เลือกใช้บริการได้เลยตาม Link ทางด้านล่างครับแนะนำ 3 ผู้ให้บริการนี้ที่เป็น Free Ping ที่เป็นที่นิยมที่สุดครับ

http://pingler.com
http://pingoat.com
http://pingomatic.com

ข้อแนะนำ ไม่ควรทำการ Ping บ่อยจนเกินไปนะครับ อาจจะเว้นเป็นระยะๆบ้าง ไม่งั้นอาจจะโดนแบน จาก Search Engine ได้นะครับ2013, By: Seo Master

seo Ping คือ ? 2013

Seo Master present to you:
วันนี้เรามาพูดกันถึงเรื่อง Ping กัน ซึ่ง Ping เป็นเครื่องมือ หรือ Tool อีกอย่างหนึ่งในการทำ SEO ที่ช่วยบอกให้ Bot เข้ามาเก็บข้อมูลเว็บไซต์ หรือ Blog ของเราเมื่อมีการ Update ข้อมูลของเรานั่นเอง จริงๆแล้ว ระบบ Ping มันก็ไม่เชิงว่าเป็นระบบเรียก Bot ซะทีเดียว แต่ลักษณะในการทำงานของมันคล้ายอย่างนั้น เดิมที่ระบบ Ping ใช้กับระบบ Feed เนื่องจากระบบ Feed เป็นระบบที่ให้ User Feed Farm ได้ Subscribe เจ้า RSS ไว้ แล้ว ตัวของ Feed เองนั้น เมื่อมี การอัพเดท มีการเปลี่ยนแปลง หรือแก้ไข ผู้ได้รับ Feed ต้องได้รับข้อมูลข่าวสารนั้น ทันที หรือเร็วที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องเข้าเว็บ ทำให้เว็บที่มี Feed พวกนี้เนี่ย โดยเฉพาะ Blog จำเป็นจะต้องมีระบบที่มันสื่อสารกันรู้เรื่องทันทีที่มีการ Update Add Edit เกิดขึ้น ระบบ Ping จึงมีหน้าที่ในส่วนที่ทำให้ User Feed Farm ทราบว่า เนื้อหาได้มีการ Update ขึ้นมาครับ และแน่นอนว่า อย่าง Google และ Yahoo ต่างก็รองรับ Feed ว่าเป็นอีกหนึ่งรูปแบบในการใช้งานที่มีแนวโน้มสูงขึั้น ทำให้ Google และ Yahoo เองก็มี Bot ต่างหาก สำหรับ RSS Feed เหล่านี้โดยเฉพาะ ตรงนี้มันช่วยให้สำหรับคนทำ SEO อยู่ที่ว่า ทันทีที่เรา Update อะไรก็ตาม Bot สามารถวิ่งเข้ามาเก็บ Feed ไปก่อน ทันทีครับ ส่วนการ Ping นั้นจะ Ping กี่เว็บก็ได้ แต่ไม่ควร Ping ซ้ำๆกัน เพราะอาจจะโดน Blacklist ต้องระวัง!! เหมือนกัน ส่วน การ Ping แล้วมันจะเพิ่มลิ้งค์ให้ันั้น มันจะไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสียเท่าไหร่ครับ เพราะเมื่อ Ping ไปแล้ว Bot ต่างๆ มาเก็บข้อมูลไปก็จริงๆ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจบตรงนั้นเราได้ Index หน้านั้นเพิ่มขึ้นมามันยังมี Process ขั้นอื่นๆอีก2013, By: Seo Master

seo SEO Off Page Optimization 2013

Seo Master present to you:
การปรับแต่งเว็บเกี่ยวกับปัจจัยภายนอก ได้แก่ เรื่องของการโปรโมทประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ Promote Website และการสร้างลิงค์เข้ามายังเว็บไซต์ (Link Building) การแลกลิงค์กับเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกัน (Link Exchange)
* การแนะนำเว็บให้ Search Engine รู้จัก (Search Engine Submission)
* การทำ Search Engine Site Map (Google, Yahoo, Bing, Ask)
* อายุของโดเมน (Age of Domain)
* การสร้างลิงค์เข้ามายังเว็บไซต์ (Backlink)
* โปรโมทเว็บในเว็บไซต์อื่น (Web Directory Submission)
* โปรโมทบทความหรือเนื้อหา (Article Submission /Social Bookmark)
* แลกลิงค์กับเว็บไซต์อื่น (Reciprocal Links)
* การใช้งานของผู้ใช้ (Behavior of Vistors)2013, By: Seo Master

seo SEO On Page Optimization 2013

Seo Master present to you:
การปรับแต่งเว็บไซต์เกี่ยวกับปัจจัยภายใน หรือส่วนต่างๆ ของหน้าเว็บไซต์ ได้แก่ การวางโครงสร้างเว็บไซต์ การเขียน Code ในหน้า เว็บเพจ การเขียนเนื้อหาให้เหมาะกับ Search Engine และการกระจาย Keyword ในส่วนต่างๆ
1. ในส่วนของการตั้งชื่อ Title ของหน้าเว็บว่าเกี่ยวกับเรื่องอะไร และไม่ซ้ำกันในแต่ละหน้า (Title Tag)
2. ใช้ Meta keyword และ description ข้อความอธิบายเกี่ยวกับเว็บไซต์ (Meta Tag)
3. การปรับปรุงโครงสร้าง URL ของเว็บ (การกำหนดรูปแบบ URL, การตั้งชื่อ Directory, Files)
4. การทำระบบนำทางในเว็บไซต์ให้ใช้งานง่าย แผนผังเว็บไซต์ สำหรับ Human และ Robot
5. การเขียน เรียบเรียงเนื้อหาให้เหมาะกับการทำ SEO
6. การทำลิงค์เชื่อมโยงเนื้อหา Inbound-Links
7. การใช้ Tag หัวข้อให้เหมาะสม (Heading Tag)
8. การเน้นคำ (Bold/Strong Tags) ตัวเอียง (Italic)
9. การใช้ลิสต์รายการ
10. การใช้รูปภาพอย่างเหมาะสม ไม่ลืมที่จะใส่คำอธิบาย "Alt", "Title"
11. การป้องกันข้อมูลในเว็บไซต์ด้วย robots.txt
12. Outbound-Links ลิงค์เชื่อมโยงออกภายนอกในจำนวนที่เหมาะสม
13. Density of Keywords ความถี่ หรือความหนาแน่นของคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม2013, By: Seo Master

seo จะหลุดจาก Google Sandbox อย่างไร ? 2013

Seo Master present to you:
ก็อยากที่ทราบดีกันว่า Google ทำระบบนี้ขึ้นมาก็เพื่อที่จะป้องกัน และกำจัดเว็บที่เข้าข่าย Spam เว็บเหล่านี้ทำอันดับสูงอย่างรวดเร็ว โดยอาศัยหลักการของ Black Hat SEO โดยใช้วิธีการซื้อ Link จากเว็บที่มี PR สูงจำนวนมาก และโดยจากการปั่น Link ที่มาจากการ Spam ตามเว็บไซต์ต่างๆ ในการดันอันดับให้สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ดังนั้นหากต้องการที่จะทำให้เว็บหลุดออกจาก Google Sandbox ให้ได้เร็วที่สุดก็คือทำเว็บให้ดีที่สุด มีคุณภาพที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการ Update เว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง โดยเขียนบทความ หรือเนื้อหาที่มีคุณภาพขึ้นเอง (Unique Content) โดยไม่ซ้ำกัน (Duplicate Content) สร้าง Link Popularity ที่มีคุณภาพจาก Web Site ที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกัน และมี PR สูง โดยทำให้เป็นธรรมชาติมากที่่สุด เพราะการทำ SEO จำเป็นต้องใช้เวลา เพียงเท่านี้ก็จะหลุดจาก Google Sandbox ภายในระยะเวลาไม่นานครับ2013, By: Seo Master

seo วิธีหลีกเลี่ยงเว็บไซต์จาก Google Sandbox 2013

Seo Master present to you:
1.ถ้าคุณคิดจะทำการจดทะเบียนโดเมนเนม และทำ Website ก็ควรจะรีบจดทะเบียนทิ้งเอาไว้ และก่อนที่จะทำเว็บไซต์เสร็จสมบูรณ์ อาจจะทำไว้ไม่กี่หน้า ถึงแม้ยังไม่มีเนื้อหามากก็ไม่เป็นไรถ้า Google ทำการ Index เว็บไซต์แล้วค่อย เพิ่มเนื้อหาของเว็บไซต์ ลงไปทีหลังก็ได้
2.หลังจาก Index แล้วก็รอให้ผ่านช่วง Sandbox Effect ซึ่งอาจใช้เวลา 4 - 6 เดือน
3.สร้างลิ้งเว็บไซต์ ให้เป็นไปอย่างธรรมชาติ โดยไม่โตเร็วเกินไปจนผิดสังเกต ค่อยเป็นค่อยไป
4.Promote โดยให้อ้าง Link จาก เว็บที่ (PR) Pagerank สูง และมีเนื้อหาใกล้เคียงกัน2013, By: Seo Master

seo จะติด Sandbox Effect ตอนไหน ? 2013

Seo Master present to you:
เราจะติดตอนที่ Googlebot เข้ามาพบเว็บของเราเป็นครั้งแรก ระบบ Filter Sandbox Effect จะทำงานทันที ทั้งนี้ไม่เกี่ยวกับการจดโดเมน เราอาจจะจดมานานแล้วก็ได้ หากไม่พบเว็บไซต์ท่านก็ยังถือว่า ยังไม่มีเว็บหนะครับจะไม่มีการติด Sandbox Effect เพราะท่านยังไม่มีเว็บ Online แต่เมื่อใดที่เรา Online แล้ว (เปิดเว็บไซต์บน Internet) กล่องทรายจะเข้ามาควบคุมสถานการณ์ทันที Sandbox Effect

เครดิต jongjarern2013, By: Seo Master

seo ประเภทของ Link Popularity 2013

Seo Master present to you:
กฏของ SEO ได้จำแนกรูปแบบของ Link Popularity เป็นหลากหลายประเภท แต่ที่มีประโยชน์ที่สุดจะเพียง 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ

One-Way Link
1-Way Link เป็นการแจก Links ไปทางเดียวโดยไม่ต้องการ Links กลับมาหาเรา เช่น เว็บไซต์ ความรู้ SEO ทำ Links ไปที่เว็บไซต์ เช่าทรัส แต่ว่าเว็บไซต์ เช่าทรัส ไม่ได้ทำ Links ให้กับมาที่เว็บ ความรู้ SEO

Two-Way Links
2-Way Links การพ่วง Links แบบสองทาง เช่น เว็บไซต์ ความรู้ SEO ทำ Links ไปที่เว็บไซต์ เช่าทรัส และ เว็บไซต์ เช่าทรัส ได้ Links กลับไปหาเว็บไซต์ ความรู้ SEO คืน

Three-Way Links
3-Way Links แน่นอน Links สามเศร้า เช่น เว็บไซต์ ความรู้ SEO ทำ Links ไปที่เว็บไซต์ เช่าทรัส แล้วเว็บไซต์ เช่าทรัส ก็ส่งให้เว็บไซต์ ทาสีคอนโด ก็ได้ Link กลับไปหาเว็บไซต์ ความรู้ SEO

ซึ่งการทำ One-Way Link และ Three-Way Links ตามตัวอย่างข้างต้น จะส่งผลดีให้กับเว็บไซต์ เช่าทรัส ในฐานะเว็บคนกลาง มากกว่าการทำ Two-Way Links ในมุมมองของ SEO ซึ่งตรงๆเลยว่า เราควรเป็นคนกลางที่จะมีคน Links เข้ามาและก็จ่ายให้ Link ออกไปอ้อมๆกลับคืน

ประโยชน์ของ Link Popularity ก็ มีอยู่ไม่มากครับ การที่มี Links เข้าหาเว็บไซต์มากๆ เป็นหลายๆ Links ทำให้โอกาสที่ Robot ของ Search Engine ต่างๆ เข้ามาเก็บข้อมูลในเว็บไซต์ เรามากขึ้นมีมาก และนอกจากนี้ก็ยัง เพิ่มโอกาส ของผู้ที่สนใจผ่าน Links เข้ามาหาดูข้อมูลทำให้เกิดจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์มากขึ้น อีกทั้งจำนวน Links ที่เชิญคนเข้ามาชมเว็บไซต์เราเยอะๆนั้น ก็ทำให้ความน่าเชื่อถือเว็บไซต์ เราดีขึ้นอีกต่างหาก

เครดิต daydev2013, By: Seo Master

seo Link Popularity สำคัญอย่างไร ? 2013

Seo Master present to you:
หากเว็บไซต์ของเรามี Link Popularity ที่สูง จะทำให้เว็บไซต์ค้นหาเจอโดยง่าย เพิ่มโอกาสให้เสิร์ชเอนจิ้น (Search Engine) ต่างๆ เข้ามาสำรวจเว็บไซต์เราบ่อยขึ้น เพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของเรามีจำนวนผู้เยี่ยมชมเพิ่มมากขึ้น และยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์อีกด้วย ปัจจุบันเสิร์ชเอนจิ้น (Search Engine) ให้ความสำคัญกับ Link Popularity เป็นอย่างมาก

เครดิต truehits.net2013, By: Seo Master

seo Link Popularity คืออะไร ? 2013

Seo Master present to you:
Link Popularity แปลว่า ความนิยมเว็บไซต์ เป็นการใช้วัดค่าความนิยมของเว็บไซต์เรา ว่ามีจำนวนเว็บไซต์ หรือกี่เว็บเพจที่เชื่อมโยงลิงค์มายังเว็บไซต์ของเรา Link Popularity ถือเป็นหัวใจสำคัญในการทำ SEO เลยทีเดียว
Link Popularity ส่งผลดีเป็นอย่างมากในการจัดอันดับบนเสิร์ชเอนจิ้น (Search Engine) ยิ่งเว็บไซต์เรามี Link Popularity สูง ก็มีโอกาสได้รับการจัดอันดับที่สูงกว่า หรือดีกว่าเว็บไซต์ที่มี Link Popularity ต่ำกว่า

เครดิต truehits2013, By: Seo Master

seo Pligg คืออะไร ? ตอนที่ 1 2013

Seo Master present to you:
Pligg อ่านว่า พลิกก์ คือ โอเพนซอร์ส คอนเทน แมเนจเม้นท์ ซิสเท็ม หรือเรียกสั้นๆ ว่า CMS ภาษาไทยเรียกว่า ระบบจัดการเนื้อหา โดยคุณสามารถดาวน์โหลด และใช้งานได้ฟรี พลิกก์ CMS เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับงานด้าน เครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Networking) เพื่อให้คนที่มาลงทะเบียนเป็นสมาชิกเว็บไซต์ สามารถส่งเนื้อหาเข้ามายังเว็บ และติดต่อกับเพื่อนคนอื่นๆ ได้ ซึ่งซอฟต์แวร์นี้ สามารถนำไปสร้างเป็นเว็บไซต์ที่เอาไว้เก็บเรื่องราวบนเว็บ อื่นๆ ที่น่าสนใจ และให้เพื่อนสมาชิกโหวตให้คะแนนกันได้ แต่ไม่ใช่เว็บที่เอาไว้เขียนเรื่องราวต่างๆ ใช้ พลิกก์ (Pligg) คอนเทน แมเนจเม้นท์ ซิสเท็ม เพื่อเริ่มทำ กลุ่มเครือข่ายสังคมออนไลน์ ได้ในไม่กี่นาที Pligg เป็น Web Submit Social Bookmark อย่างหนึ่ง ใช้ Submit เว็บ ทำให้ได้ BackLink, PageRank,ฺ Bot และก็ Traffic ครับ ซึ่งมีผลทาง SEO ด้วย

เครดิต pligg.in.th2013, By: Seo Master
Powered by Blogger.