Les nouveautés et Tutoriels de Votre Codeur | SEO | Création de site web | Création de logiciel

seo All In One Seo Pack Blogger SEO Plugin 2013

Seo Master present to you:
All In One Seo Pack Blogger SEOGet more visitors to your Blogger site! 
The biggest disadvantage of Bloggger compared with Wordpress SEO capabilities whether Google's Blogger is a  he grew in the bic looking for. So why Blogger-Blogspot SEO capabilities with Wordpress? Improve your Bloggger SEO: Write better content and have a fully optimized Bloggger site using theBloggger SEO plugin by Duy.

Title & Description:

All In One Seo Pack Blogger SEO


Meta tags Description 


All In One Seo Pack Blogger SEO

How To Install All In One Seo Pack for Blogspot?

Click tab Design > Edit HTML. CTRL + F and search this code

<title><data:blog.title/></title>
<b:if cond='data:blog.metaDescription != &quot;&quot;'>
<meta expr:content='data:blog.metaDescription' name='description'/>
</b:if>

Replace it with the following code:

  <title><data:blog.pageTitle/></title>
<b:else/>
<title><data:blog.pageName/> - <data:blog.title/></title>
</b:if>
<b:if cond='data:blog.metaDescription != &quot;&quot;'>
<meta expr:content='data:blog.metaDescription' name='description'/>
</b:if>
<b:if cond='data:blog.pageType == &quot;archive&quot;'>
<meta content='noindex, nofollow' name='robots'/>
<b:else/>
<b:if cond='data:blog.pageType == &quot;index&quot;'>
<b:if cond='data:blog.url == data:blog.homepageUrl'>
<meta expr:content='data:blog.title' name='keywords'/>
<meta content='index, follow' name='robots'/>
</b:if> <b:else/>
<b:if cond='data:blog.pageTitle != data:blog.title'>
<meta expr:content='data:blog.pageName' name='keywords'/>
</b:if></b:if>
<meta content='global' name='distribution'/>
<meta content='3 days' name='revisit'/>
<meta content='3 days' name='revisit-after'/>
<meta content='document' name='resource-type'/>
<meta content='all' name='audience'/>
<meta content='general' name='rating'/>
<meta content='all' name='robots'/>
<meta content='index, follow' name='robots'/>
<meta content='en-us' name='language'/>
<meta content='USA' name='country'/>
<link href='https://plus.google.com/ID/about' rel='author'/>
<link href='https://plus.google.com/ID/posts' rel='publisher'/></b:if>
<!-- / All In One Seo Pack Blogger SEO Plugin by www.matrixar.com. -->

Replace the yellow bowl

All In One Seo Pack Blogger SEO

Save template
2013, By: Seo Master

seo IP Class C ในความหมายของ SEO คืออะไร ? 2013

Seo Master present to you:
สำหรับ IP Class C ในความหมายของ SEO จะแตกต่างจากความหมายของ Technical Engineer อย่างสิ้นเชิง ซึ่งในบทความนี้จะกล่าวเฉพาะความหมายของ SEO

โดยปกติแล้ว IP จะเป็นตัวบอกถึงที่อยู่ของเว็บไซต์แต่ละเว็บไซต์ โดยแบ่งเป็น 4 Class หรือ 4 ส่วน แต่ละส่วนถูกคั่นด้วย จุด (.) คือ aaa.bbb.ccc.ddd โดยแต่ละส่วนนั้นจะเป็นตัวเลข มีค่าตั้งแต่ 0 – 255

ไอพี Class C คือ ไอพี่ ส่วนที่ 3 ก็คือส่วนของ ccc ดังตัวอย่างที่กล่าวมา ซึ่งในเชิง SEO นั้น IP Class C มีความสำคัญคือ โดยปกติแล้วโฮสติ้งแต่ละเจ้าจะมี IP Class C ที่แตกต่างกัน ทาง Google จะมองว่า ถ้าเว็บไซต์หลายๆเว็บมี IP Class C ที่เหมือนกัน ก็แสดงว่าเว็บไซต์เหล่านั้นอยู่บนโฮสตัวเดียวกัน และอาจเป็นเจ้าของคนเดียวกัน ถ้าเรานำเว็บเหล่านั้นมาลิงค์กันเองเยอะๆ Google ก็จะมองว่า เรากำลังพยายามโกงอันดับโดยการนำเว็บมาลิงค์กันเองเพื่อสร้าง Backlink ให้กันและกันระหว่างเว็บไซต์ตัวเอง (ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เว็บที่มี IP Class C เดียวกันอาจจะไม่ใช่เจ้าของคนเดียวกันก็ได้) ตรงนี้ Google ก็เลยมองว่า เว็บที่ดีควรจะมีลิงค์จากเว็บที่ต่าง Class C กัน เพราะถือว่าเป็นลิงค์จากเว็บไซต์ของคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกัน

เมื่อ Google คิดเช่นนี้เหล่าคนทำ SEO ก็เลยต้องพัฒนาตัวเอง หาช่องทางหลีกเลี่ยงให้ได้ จนเกิดเทคนิค ใส่ IP Class C จำนวนเยอะๆลงไปใน Hosting ตัวเดียว แล้วเปิดให้เช่าในราคาถูกเพื่อทำ SEO โดยเฉพาะ ปัจจุบันก็มีคนทำ SEO ที่มีทุนเยอะ จดโดเมน เช่าโฮสติ้งแบบ Multi Class C ในปริมาณเยอะๆ เพื่อนำมาลิงค์กันเอง จนยากแก่การตรวจจับ

แต่ Google ก็ไม่ได้ยอมแพ้ต่อเทคนิคของเหล่า SEO ในปัจจุบัน นอกจาก Class C แล้ว Google ยังพิจารณาถึง MAC Address ของเครื่องอีกด้วย สำหรับ MAC Address นั้น ขออธิบายคร่าวๆคือ รหัสของเครื่อง Hosting และละตัว ซึ่งติดมากับ Hardware ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

โดย IP Class C ที่ดีนั้นจะต้องมาจาก Hosting ที่มี MAC Address ที่ต่างกันอีกด้วย จึงจะได้ผลที่ดี ทั้งนี้ Hosting ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่จะทำให้ เว็บไซต์ประสบความสำเร็จในการทำ SEO เราต้องปรับร่วมกับปัจจัยอื่นอย่างเหมาะสมจึงจะได้ผลดีที่สุด

เครดิต one.in.th2013, By: Seo Master

seo 10 ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการทำ SEO ตอนที่ 2 2013

Seo Master present to you:
6. อย่าเชื่อผู้อื่นมากเกินไป ในการทำ SEO นั้น ทักษะ เกิดจากการปฏิบัติด้วยตนเอง การเชื่อคำกล่าวอ้าง หรือแม้ตำราโดยไม่ลองทำเอง อาจไม่ได้ผลตามที่กล่าวอ้าง บางครั้ง ปัจจัยต่างๆ ไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น ระบบการทำ Link Wheel ที่อ้างกันว่าเป็นระบบที่ดี ในบางครั้งกลับกลายเป็นฆ่าตัวเองเพราะ Link Wheel เหล่านั้นมาจากโฮสต์ IP และผู้ทำเว็บชุดเดียวกัน กลับกลายเป็น wheel ซ้อน และเป็นลิงค์ย้อนกลับหรือ ลิงค์แบบสามเหลี่ยม ไร้ประโยชน์เลยก็ได้ หรือแม้กระทั่งข่าวที่ีการเปลี่ยน Algo ทั้งหลายทั้งปวง อาจไม่มีผลต่อสิ่งที่เราทำมาเลยก็ได้

7. SEO เป็นเรื่องที่ยาก ต้องจ้างคนทำ อันนี้ผิด ที่จริงแล้ว แค่เพียงเข้ามาอ่านหาความรู้ ไม่กี่สัปดาห์ ก็สามารถเข้าใจได้เกือบ 80% เนื่องจากตำราอ้างอิงเป็นจำนวนมาก (และล้วนเอามาจากที่เดียวกันด้วย) สิ่งที่เรารู้คือ Know How เท่าๆกัน แตกต่างกันที่การลงมือทำเท่านั้นเอง ผมเชื่อว่า ถ้าลงมือทำ เราทำกันได้ทุกคน จะมากหรือน้อยก็ว่ากันไป และสิ่งที่เราทำจะเพิ่มพูนทักษะอยู่ตลอด แต่เมื่อถึงเวลาหนึ่ง เราจะเริ่มคิดเองว่า การทำ SEO นั้น แท้จริงคือการตกแต่งกล่องขนมให้น่ากินเท่านั้นเอง แต่รสชาตขนมนั้นคืออีกเรื่อง !

8. ทำ SEO ให้ดี ต้องมีเงินเท่านั้น อันนี้ผิดมหันต์ทั้งผู้ทำ และผู้จ้าง ขอเพียงเวลา จิตใจที่มุ่งมั่น หลักการที่ดี ไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากมาย ถ้าปรับแต่งถูกจุด ตอบสนองคำถามที่ว่า – ทำอย่างไรเว็บจะเหมาะกับการเข้ามาอยู่ในหน้าแรกได้ – การปรับแต่งแบบที่ไม่ต้องใช้เงิน เป็นศาสตร์อย่างหนึ่งที่มีผู้ศึกษาและปฏิบัติ ขอเพียงค้นหา และเข้าถึง เราก็สามารถทำได้

9. SEO ง่ายๆ ใครก็ทำได้ ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจผิดเช่นกัน โดยเฉพาะน้องใหม่ไฟแรง แต่โหมไฟแรงเกินไปย่อมได้รับประสบการณ์เจ็บปวดไปตามๆกัน มันจะมี Timing อันหนึ่งที่ทดสอบมือใหม่ ซึ่งถ้าผ่านไปได้ก็จะสามารถทำ SEO ให้ดีได้เฉกเช่นเดียวกับมือเก่า SEO นั้นง่ายพอๆกับการเปิด Windows และยากพอๆกับการหาจุดบกพร่องใน Windows ดังนั้น การเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาหาจุดบกพร่อง และลงมือแก้ไข คือสิ่งที่ SEO มือใหม่ต้องกระทำ

10. นักทำ SEO มักจะร่ำรวยและมีความเต็มใจในการทำ SEO ไม่ว่าโจทย์จะเป็นอย่างไร ถ้าจ่ายถึง ลองหาคำตอบจากตัวคุณเองและผู้อยู่รอบข้างดูครับว่าจริงทุกคนไหม วลีอมตะอยู่อันหนึ่งคือ ถ้า Big Daddy ไม่รักทำให้ตายก็ไม่ติด กับอีกอันหนึ่งคือ ถ้าคุณร่ำรวยจากการทำ SEO ได้ จะไม่ง่ายกว่าหรือถ้าจะปรับแต่ง SEO เพื่อหาความร่ำรวยจากเว็บของตัวเอง?

เครดิต seo.thaihealth2013, By: Seo Master

seo 10 ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการทำ SEO ตอนที่ 1 2013

Seo Master present to you:
กระบวนการทำ SEO หรือ Search Engine Optimization นี้ มีผู้เข้าใจผิดอยู่มากมาย ถึงขั้นมองเห็นแบบตรงข้ามกับที่เหล่านักทำ SEO ทำกันเลยทีเดียว เราลองมาดูกันบ้างว่าความเข้าใจผิดต่อการทำ SEO ที่ผู้ที่ไม่รู้หรือแม้แต่ผู้ที่รู้ ก็ยังเข้าใจผิดอยู่ตลอด

1. ความเชื่อที่ผิดคือ SEO คือการทำทุกอย่างเพื่อให้ได้แบคลิงค์ แม้ว่า แบคลิงค์จะมีคุณค่า แต่การทำทุกอย่างเพื่อให้ได้แบคลิงค์ ไม่ว่าจะเป็นการสแปม หรือโพสในเว็บที่ไม่เกี่ยวข้อง สิ่งที่ทำให้วงการ SEO เป็นที่ติเตียนของนักท่องเว็บ หรือนักทำเว็บ ก็คือการสแปมไปทั่ว ยกตัวอย่างเช่นการโพสในเว็บบอร์ดในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้อง ปั๊มกระทู้ สแปมคอมเมนท์ หรือแม้กระทั่วเว็บ Social Network ก็ตกเป็นเป้าของนักสแปม จนกระทั่งมีคำกล่าวที่น่าตกใจจากนักทำเว็บโฮสติ้งว่า ‘SEO คือการสแปม’ ทั้งๆที่ที่จริงแล้ว แบคลิงค์ที่เราควรจะได้คือแบคลิงค์แบบธรรมชาติ ในเว็บที่เกี่ยวข้องต่างหาก นอกจากการสแปมแล้ว สิ่งที่เป็น Controversy หรือข้อโต้แย้งที่ใหญ่ที่สุดของกระบวนการการได้มาของลิงค์คือ การซื้อขายลิงค์ ทั้งทางตรง หรือทางอ้อม ซึ่งถ้ามองในแง่ความจริง การซื้อขายลิงค์ก็ถือเป็นกลไกธรรมชาติอย่างหนึ่ง ในระบบทุนนิยม แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งที่มากไปจนผิดธรรมชาติ ย่อมไม่เป็นผลดีต่อการบิดเบือนธรรมชาติของการค้นหาโดย Search Engine เช่นกัน อย่าลืมว่า Search Engine ถือว่าหน้าเว็บค้นหาของเขาคือหน้าบ้าน ถ้าหากมีการเบี่ยงเบนจากเว็บที่มีเงิน แต่ไม่มีคุณภาพ มาหน้าแรกมากๆ ย่อมส่งผลเสียต่อความนิยมของ Search Engine อย่างไม่ต้องสงสัย ดังที่ Matts Cutts วิศวกรของ Google เคยเปรยเอาไว้ว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องควบคุมการซื้อขายลิงค์ และเปิดรับแจ้งเรื่องไปยัง Google อย่างเป็นระบบ

2. ความเชื่อที่ว่าเว็บที่ติดอันดับดี จาก SEO ย่อมจะดีมีคุณค่ากว่า อันนี้เห็นๆกันจากข้อแรกว่า เมื่อมีการปรับแต่งอย่างเต็มที่ เว็บที่ธรรมดา หรือคุณภาพด้อย ก็อาจเข้ามาอยู่ในหน้าแรกๆได้เช่นกัน ถ้ามีเงิน มีเครือข่าย อันนี้ถือเป็นโจทย์ที่ท้าทาย Search Engine อยู่ตลอดมาว่าจะทำอย่างไรจึงจะกรองเอาเนื้อหาที่คนใช้ต้องการ อย่างแท้จริง มาอยู่หน้าแรก จะเห็นได้ว่าทรัพยากรจำนวนมากของ Search Engine มากองอยู่ที่การปรับเปลี่ยน Algorithm เพื่อกรองเอาเว็บคุณภาพด้อยเหล่านั้นออกไป

3. ความเชื่อที่ว่า SEO คือการสร้างเว็บ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดจะขาดไปเสียมิได้ จริงอยู่ที่ว่าปัจจุบันเว็บดีๆถึงดีมาก แต่ไร้ซึ่งการปรับแต่งแบบ SEO ก็เปรียบเสมือนเพชรที่อยู่ในทะเลลึกยากจะมีคนเข้าหา การทำเว็บแบบสมัยใหม่ อาศัยปากต่อปาก การจะเกิดมาในโลกออนไลน์ค่อนข้างยาก ยกเว้นว่าจับกลุ่มได้ถูกต้อง นักทำเว็บไซต์รุ่นใหม่จึงหันมาสร้างความโดดเด่นทางด้าน SEO การทำเว็บให้ดี สำคัญกว่าการปรับแต่ง SEO ซึ่งอาจใช้เงินจำนวนมาก อย่าละเลยพื้นฐานของเว็บไซต์ที่ดี นั่นคือ เนื้อหา หน้าตาของเว็บ ความถูกต้อง ระบบบนำทางที่ดี การดีไซน์ที่ดีหรือมีเอกลักษณ์ และเนื้อหาที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ที่สำคัญคือการสร้าง SEO ไม่สามารถสร้าง Brand ได้ จะเห็นว่า Brand ดังๆ ไม่ได้เกิดมาจาก SEO หรือไม่ได้สนใจเรื่องของ SEO เลยด้วยซ้ำ แต่ผู้คนจะกล่าวถึงความประทับใจในจุดอื่นๆ และรายละเอียดอื่นๆ  ของเว็บไซต์

4. การปรับแต่ง SEO ต้องทำอยู่ตลอดเวลาห้ามหยุด อันนี้ก็เป็นความเข้าใจผิดเช่นกัน นักทำ SEO ที่ดีจะรู้จุดและเวลา จะต้องประมาณตน และคิดเสมอว่า การใส่ปุ๋ยที่มากไป ก็จะมีโทษได้เหมือนกัน การเพิ่มแบคลิงค์อย่างรวดเร็ว การทำ Onpage อย่างขมักเขม้นทุกจุด การปรับแต่งทุกวันสำหรับ Keyword Density หรืออื่นๆ เป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิงถ้าไม่รู้จักการประมาณเวลา หรือ Timing ว่า Search Engine มี Time Cycle ในการ เข้าถึงเว็บเราถี่เพียงใด มีการปรับปรุงดาต้าเบสและผลการค้นหาถี่บ่อยแค่ไหน มันจะยิ่งยุ่งยากถ้าเราคำนวนถึงจุดที่ว่า Search Engine มาเก็บหน้าแบคลิงค์ที่มีเว็บเราด้วยในอัตราเท่าไร ดังนั้น การทำ SEO ที่ดี เหมือนการขับขี่รถที่ต้องมีการกดคนเร่ง ปล่อยคันเร่ง แตะเบรค ชลอ เพื่อดูว่า สิ่งที่เราปรับจูนนั้นๆ มันถึงจุดที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงหรือยัง หรือว่าทำมากเกินไป

5. ปรับแต่งเต็มที่แล้วมักจะได้ผลเสมอ อันนี้เป็นสิ่งที่นักทำ SEO ทราบกันดีว่า การปรับแต่งแม้แต่เหมือนกัน 100% ก็ไม่เสมอไปที่จะทำให้อันดับใกล้เคียงกัน 100% อันนี้เป็นสิ่งที่เรียกกันเล่นๆว่า แล้วแต่คนกด หมายถึงว่า ในบางขณะ Search Engine ก็มีการเข้ามา Manipulate โดยคน (อันนี้อาจไม่ใช่จากคนกดปุ่ม แต่อาจหมายถึงปุ่มบุคมาร์คหรือปุ่มโหวตบนโปรแกรมฝังตัวที่ Google เก็บข้อมูลจาก Users ทุกคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์) สิ่งนี้สะท้อนกลับมาถึงข้อจำกัดหลายๆอย่าง อย่างแรกคือการทำ SEO บางทีไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว อย่างที่สองคือ สูตรที่มีผู้คิดนั้น เปลี่ยนไปมาตลอดเวลา

เครดิต seo.thaihealth2013, By: Seo Master

seo เทคนิคการโปรโมทเว็บ และ Blog ให้ติดอันดับด้วย SEO ขั้นพื้นฐาน ตอน 2 2013

Seo Master present to you: เทคนิคการโปรโมทเว็บ หรือ Blog ให้ติดอันดับใน Search Engine ก่อนที่เราจะทำการโปรโมทเว็บ หรือ โปรโมทเว็บ Blog ของเรานั้นเราต้องทำการสำรวจ ข้อมูลและเว็บ หรือ Blog ของเราเสียก่อนครับโดยให้คุณดำเนินการต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ครับ เพื่อง่ายต่อการเข้าใจคุณสามารถ ศึกษาข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติม เรื่อง “SEO คืออะไร” และ “Blog กับ SEO” กันเสียก่อนหนะครับจะได้เข้าใจตรงกันครับ


ขั้นตอนการโปรโมทเว็บไซต์ โปรโมท Blog

1.Study ทำการศึกษาข้อมูลต่าง ๆ คีย์เวิร์ดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ เว็บหรือบล็อกของเรา รวมไปถึงคีย์เวิร์ดที่ไกล้เคียงกันให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ เช่น ธุรกิจเกี่ยวกับอะไร คำค้นหาหลักอะไร หรือ สินค้าอะไร ได้ยิ่งดีเอาแบบตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด เพราะถ้าหากว่าทำแบบกว้าง ๆ อาจไม่ได้ผลในทางที่เป็นการค้าหรือธุรกิจควรให้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด ครับ

2.Website Optimization ทำการปรับปรุงเนื้อหา และ การปรับแต่งเว็บเพื่อให้เข้าสู่กระบวนการ SEO ตามแบบฉบับที่เหมาะสม หลักการก็คือพยายามใช้ HTML แบบโบราณให้ได้มากที่สุด เพราะนั่นจะทำให้ Search Engine ชอบมาก ๆ ครับ ถ้าหากไม่ทราบแนวทางในการปรับแต่งสามารถศึกษาข้อมูลการปรับแต่งแบบโบราณได้ จาก W3C ครับ

3. Website Submission คือการส่งบัติเชิญเหล่า Search Engine ต่าง ๆ ให้มาเก็บข้อมูลที่เราได้ทำการปรับปรุงใหม่นั้น ๆ เพื่อให้ได้รับการ Index ข้อมูลใหม่ ๆ เข้าไปและเป็นการปรับปรุงฐานข้อมูลให้กับ Search Engine ด้วยครับ

4.Evaluation ทำการติดตามผลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อดูความเคลื่อนไหวในการติดอันดับในระดับต่าง ๆ และ คีเวิร์ดต่าง ๆ ด้วยครับ

5.Fine Tuning ปรับปรุงเนื้อหาของเว็บไซต์ หรือ บล็อกของเราตลอดเวลาครับ หรือ ทุกวันได้จะดีมากครับเพราะจะทำให้ Robot ของ Search Engine เข้ามาทำการเก็บข้อมูลบล็อก หรือเว็บของเราเป็นประจำ ข้อสำคัญต้องสอดคล้องกับ Keyword ของเราด้วยหนะครับ

เพียงเราทำตาม ขั้นตอนต่าง ๆ แบบง่าย ๆ อย่างนี้ไม่เกิน 6 เดือน Blog หรือ Website ของเราก็จะเริ่มติดอันดับไปทีละ Keyword เรื่อย ๆ และ น่าจะได้อันดับที่ดีพอสมควรครับ ในการโปรโมทเว็บ หรือ Blog ด้วยหลักการทาง SEO นั้นต้องอาศัยระยะเวลา เนื่องจากเราต้องรอให้ Search Engine ต่าง ๆ ได้ทำการปรับปรุงเว็บเราไปให้ได้มากที่สุดเสียก่อน หรือ ให้ตรงกับคีย์เวิร์ดของเราให้มากที่สุดก่อน แต่ก็คุ้มค่าในระยะยาวครับ เพราะถ้าเราติดอันดับแล้วเราก็จะทำการปรับปรุงพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ จนนิ่งและได้รับความน่าเชื่อถือในเรื่องข้อมูลมากขึ้น.

เครดิต Makemany 2013, By: Seo Master

seo How Can I Create A Google Friendly Site 2013

Seo Master present to you:
Google Friendly sites Your website could sport a very professional design but unless that site is not ranking well in search engines, it may be tough for new and potential customers to discover your business on the Internet. Therefore, when planning to create an online presence for your brick and mortar business, it is extremely important that your site layout and content is optimized for search engines. If you are wondering why the title says “Google friendly” where there are exist so many other search engines on the Internet (including popular ones like Yahoo!, Ask and MSN), that’s because Google has the reach like no other. Most website owners would agree that Google alone drives 90-95% of traffic to their websites. There are basically two ways to drive visitors from Google to your website – one, you buy ads that show up on Google results pages for certain keywords (using AdWord) or two, work hard to get good rankings in search results (organic traffic). While the former method costs money, organic traffic is free but requires effort and understanding of how search engines work.

Things to do

Our Webmaster Guidelines provide general design, technical, and quality guidelines. Below are more detailed tips for creating a Google-friendly site.

Give visitors the information they're looking for

Provide high-quality content on your pages, especially your homepage. This is the single most important thing to do. If your pages contain useful information, their content will attract many visitors and entice webmasters to link to your site. In creating a helpful, information-rich site, write pages that clearly and accurately describe your topic. Think about the words users would type to find your pages and include those words on your site.

Make sure that other sites link to yours

Links help our crawlers find your site and can give your site greater visibility in our search results. When returning results for a search, Google uses sophisticated text-matching techniques to display pages that are both important and relevant to each search. Google interprets a link from page A to page B as a vote by page A for page B. Votes cast by pages that are themselves "important" weigh more heavily and help to make other pages "important."
Keep in mind that our algorithms can distinguish natural links from unnatural links. Natural links to your site develop as part of the dynamic nature of the web when other sites find your content valuable and think it would be helpful for their visitors. Unnatural links to your site are placed there specifically to make your site look more popular to search engines. Some of these types of links (such as link schemes and doorway pages) are covered in our Webmaster Guidelines.
Only natural links are useful for the indexing and ranking of your site.

Make your site easily accessible

Build your site with a logical link structure. Every page should be reachable from at least one static text link.
Use a text browser, such as Lynx, to examine your site. Most spiders see your site much as Lynx would. If features such as JavaScript, cookies, session IDs, frames, DHTML, or Macromedia Flash keep you from seeing your entire site in a text browser, then spiders may have trouble crawling it.

Things to avoid

Don't fill your page with lists of keywords, attempt to "cloak" pages, or put up "crawler only" pages. If your site contains pages, links, or text that you don't intend visitors to see, Google considers those links and pages deceptive and may ignore your site.
Don't feel obligated to purchase a search engine optimization service. Some companies claim to "guarantee" high ranking for your site in Google's search results. While legitimate consulting firms can improve your site's flow and content, others employ deceptive tactics in an attempt to fool search engines. Be careful; if your domain is affiliated with one of these deceptive services, it could be banned from our index.
Don't use images to display important names, content, or links. Our crawler doesn't recognize text contained in graphics. Use ALT attributes if the main content and keywords on your page can't be formatted in regular HTML.
Don't create multiple copies of a page under different URLs. Many sites offer text-only or printer-friendly versions of pages that contain the same content as the corresponding graphic-rich pages. If your site has identical content that can be reached via different URLs, there are several ways of indicating the canonical (preferred) version of a page. More information about canonicalization.
Source: by Google Updated 18/12/2012

2013, By: Seo Master

seo Optimize Images for Better Search Engine SEO 2013

Seo Master present to you:
Optimize Images for Better Search Engine SEOSearch Engine Optimization (SEO). SEO is an acronym for "search engine optimization" or "search engine optimizer." Deciding to hire an SEO is a big decision that can potentially improve your site and save time, but you can also risk damage to your site and reputation. Make sure to research the potential advantages as well as the damage that an irresponsible SEO can do to your site. Many SEOs and other agencies and consultants provide useful services for website owners, including:
Google image search only gets a half a percent of Google’s overall traffic. But due to blend search results, images actually get a lot more traffic than that half a percent.
Here’s how you can make your images search engine friendly:

Alt tags & descriptions

usa city

Optimize Images for Better Search Engine SEO



Here is how the full image code should look like:

<img alt="usa city" border="0" src="http://www.matrixar.com/-ARsDSf1xe2k/UM_baLGRDsI/AAAAAAAAEZI/MS2cz6jGaG8/s1600/usa_city.jpg" height="240" title="USA City" width="320" />


The key to creating good alt tags are:
Describe the image, don’t just stuff in keywords. It should be keyword rich. It needs to be short and to the point.

File name

Using the same USA City example, you want your image file name to be descriptive of what the image is about. And because there are billions of images out there, you don’t want to use a generic image file name like “usa_city.jpg”.

File size

There are 2 aspects to an images file size. The first is the dimensions of the image and the second is how much storage space the image requires.

When optimizing an image, you ideally want the dimensions to be as big as possible, yet you want the storage space to be as small as possible. Through programs like PICASA, you can adjust the dimensions, while keeping the storage size small through compression.

Best of all, programs like PICASA will help maintain the quality of the image as you don’t want to compress them so much that the image doesn’t look good anymore.
2013, By: Seo Master

seo เทคนิคการโปรโมทเว็บ และ Blog ให้ติดอันดับด้วย SEO ขั้นพื้นฐาน ตอน 1 2013

Seo Master present to you: Promote Blog & Web

การโปรโมทเว็บ Blog หรือ Web ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนที่จะเอาดีในด้านการให้ข้อมูลอย่างมืออาชีพ ด้วยเหตุที่ว่าเราจะสร้างเว็บ หรือ Blog มาทำไมในเมื่อไม่อยากให้ใครเห็น หรือ ใครพบเว็บ หรือ บล็อกของเรา


ในการเขียนบล็อก หรือ เว็บไซต์นั้น สำหรับธุรกิจโดยทั่วไปย่อมหวังที่จะให้ได้รับผลตอบแทนอย่างต่อเนื่อง จากเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่มีมา Internet ก็คืออีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยทำให้เกิดช่องทางในการนำเสนอสินค้าและบริการ สำหรับผู้ประกอบการทั่วไป แต่ด้วยเหตุที่ในการนำเสนอสินค้าและบริการต่าง ๆ เหล่านั้นต่างก็มีผู้ประกอบการต่าง ๆ มากมายนำเสนอเช่นเดียวกันเป็นจำนวนมากหลายหมื่นหลายล้านเว็บไซต์ทั่วประเทศ เครื่องมือค้นหาอย่าง Search Engine? ถูกนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์มากขึ้น จึงมีการนำเสนอโฆษณารูปแบบ PPC แต่ก็เป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายทุก ๆ เดือนไปตลอดที่มีการโฆษณา เมื่อใดก็ตามที่ไม่มีการโฆษณาเว็บของเรา หรือ Blog ของเราก็จะหายไปในบัดดล เว้นแต่ว่าคุณได้ทำการปรับปรุงและพัฒนาการทางด้าน SEO มาก่อนที่จะหยุดทำการโฆษณานั้น ๆ จนติดหน้าแรกไปแล้ว

การโปรโมทเว็บเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องมีการวางแผนที่ ดี แต่ก็อาจเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก ซึ่งบางครั้งอาจมองว่าไม่คุ้มกับการ โปรโมทเว็บ หรือ โปรโมทบล็อก ด้วยซ้ำไปวันนี้ จะนำเสนอเรื่องราวทางด้านเทคนิคในขั้นพื้นฐานสำหรับการโปรโมทเว็บ หรือ โปรโมท Blog กันครับที่ประหยัดเวลาและไม่ต้องเสียเงินในการโปรโมทด้วยครับ

เครดิต Makemany 2013, By: Seo Master

seo ข้อดีข้อเสียของ SEO 2013

Seo Master present to you:
SEO คือปลายทางของ Marketing แล้วทำไม SEO จึงเป็นปลายทางของ Marketing? นั้นก็เพราะว่าก่อนที่คุณจะตัดสินใจลงทุนทำ SEO นั้นคุณต้องวิเคราะห์มาก่อนแล้วว่า การทำ SEO จะเป็นช่องทางที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้ การทำ SEO นั้นไม่ได้มีแต่ข้อดีเพียงอย่างเดียวแน่นอน ก่อนการตัดสินใจเลือกให้ SEO เป็นช่องทางให้การทำการตลาด ควรศึกษาข้อดีข้อเสีย รวมไปถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับธุรกิจและเว็บไซต์ของคุณก่อนดีกว่า



ข้อดีของ SEO

ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ยี่ห้อ / ตราสินค้า ของคุณปรากฏต่อผู้ใช้ที่ค้นหาเจอ ทำให้เกิดการแข่งขันสูง ทำให้ธุรกิจต้องมีการปรับตัวตาม ปรับแผน ปรับปรุงเว็บไซต์ เพื่อสู้กับคู่แข่ง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน
สามารถวางกลุ่มเป้าหมาย (Target Group) ได้ตรงตามที่ต้องการ ช่วยขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น

ข้อเสียของ SEO

ความไม่แน่นอนของอันดับ ด้วย Algorithm ที่มีการปรับปรุงตลอด จึงทำให้อันดับของเว็บไซต์นั้นมีการขยับอยู่เนื่องๆ ขึ้นบ้างลงบ้าง เป็นความไม่แน่นอนที่อาจจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจในเว็บไซต์ได้ ใช้เวลาในการทำอันดับนาน การปรับอันดับไม่สามารถทำได้แบบทันที ต้องใช้เวลานานมากกว่า 7-30 วันจึงจะมีการปรับปรุงอันดับเกิดขึ้น (ตามความหนาแน่นของคู่แข่งด้วย) ในเว็บไซต์หนึ่งหน้านั้น จำกัด Keywords ที่เลือกทำ SEO ด้วย เนื่องจากการทำ SEO ต้องมีการปรับเกี่ยวกับเนื้อหาภายในเว็บไซต์ตาม Keywords ด้วย การเลือก Keywords ที่จะทำ SEO จึงต้องเลือก Keywords ที่คิดว่าน่าจะคุ้มค่าต่อคุณมากที่สุด

เครดิต sutenm2013, By: Seo Master

seo ประเภทของ Search Engine ? 2013

Seo Master present to you:


ประเภทของ Search Engine ก็มีอยู่หลาย ๆ ประเภท ดังนี้

1. แบบอาศัยการเก็บข้อมูลเป็นหลัก (Crawler-Based Search Engine)
หลักการนี้เป็นการใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Crawler-Based Search Engine เป็นเครื่องมือที่ทำการบันทึกและเก็บข้อมูลเป็นหลัก ซึ่งเป็นประเภท Search Engine ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน

ซึ่งการทำงานประเภทนี้ จะใช้โปรแกรมตัวเล็ก ๆ ที่เรียกว่า Web Crawler หรือ Spider หรือที่เรียกอีกอย่างว่า Search Engine Robots หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า บอท ในภาษาไทย www คือเครือข่ายใยแมงมุม ตัวโปรแกรมเล็ก ๆ ตัวนี้ก็คือแมงมุมนั่นเอง โดยเจ้าแมงมุมตัวนี้จะทำการไต่ไปยังเว็บไซต์ต่าง ๆ ทั่วโลกอินเตอร์เน็ต โดยอาศัยไต่ไปตาม URL ต่าง ๆ ที่มีการเชื่อมโยงอยู่ในแต่ละเพจ แล้วทำการ Spider กวาดข้อมูลที่จำเป็นต่าง ๆ (ขึ้นอยู่กะ Search Engine แต่ละที่ว่าต้องการเก็บรวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง) แล้วเก็บลงฐานข้อมูล การใช้โปรแกรมกวาดข้อมูลแบบนี้ จึงทำให้ข้อมูลที่ได้มีความแม่นยำ และสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลได้เร็วมาก Search Engine ที่เป็นประเภทนี้ เช่น Google Yahoo MSN

2. แบบสารบัญเว็บไซต์ (Web Directory)
Search Engine ที่เป็นแบบนี้มีอยู่หลายเว็บไซต์มาก ๆ ที่ดังที่สุดในเมืองไทย ที่เอ่ยออกไปใครใครคงต้องรู้จัก นั้นก็คือที่สารบัญเว็บของ Sanook.com ซึ่งหลาย ๆ คนคงเคยเข้าไปใช้บริการ หรืออย่างที่ Truehits.com เป็นต้น

ส่งที่เราจะสังเกตเห็นจาก Search Engine ประเภทนี้ก็คือ ลักษณะของการจัดเก็บข้อมูลที่แสดงให้เราเห็นทั้งหมด ว่ามีเว็บอะไรบ้างอยู่ในฐานข้อมูล ซึ่งแตกต่างจากประเภทแรก ที่หากคุณไม่ค้นหาโดยใช้คำค้น หรือ Keyword แล้ว คุณจะมีทางทราบเลยว่ามีเว็บไซต์อะไรอยู่บ้าง และมีเว็บอยู่เท่าไหร่

แบบสารบัญเว็บไซต์ จะแสดงข้อมูลที่รวบรวมเว็บไซต์ที่มีทั้งหมดในฐานข้อมูล และจะแบ่งเป็นหมวดหมู่ และอาจจะมีหมวดหมู่ย่อย ซึ่งผู้ค้นหาข้อมูลสามารถคลิกเข้าไปดูได้

หลักการทำงานแบบนี้ จะอาศัยการเพิ่มข้อมูลจากเจ้าของเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ต้องการประชาสัมพันธ์เว็บ หรืออาจใช้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลส่วน Search Engine เป็นผู้หาข้อมูลเว็บไซต์มาเพิ่มในฐานข้อมูล ซึ่งข้อมูลในส่วนของสารบัญเว็บไซต์จะเน้นในด้านความถูกต้องของฐานข้อมูล ซึ่งข้อมูลเว็บไซต์ที่ถูกเพิ่มเข้ามาจะถูกตรวจสอบและแก้ไขจากผู้ดูแล

3. แบบอ้างอิงในคำสั่ง Meta Tag (Meta Search Engine)
Search Engine ประเภทนี้จะอาศัยข้อมูลใน Meta tag (อยากรู้ดูในบทความหน้า) ซึ่งเป็นส่วนของข้อมูลที่อยู่ในแท็ก HEAD ของภาษา HTML ซึ่งข้อมูลในส่วนนี้ จะเป็นส่วนที่ให้ข้อมูลกับ Search Engine Robots

Search Engine ประเภทนี้ไม่มีฐานข้อมูลของตนเอง แต่จะอาศัยข้อมูลจาก Search Engine Index Server ของที่อื่น ๆ ซึ่งข้อมูลจะมาจาก Server หลาย ๆ ที่ ดังนั้น จึงมักได้ผลลัพธ์จากการค้นหาที่ไม่แม่นยำ

เครดิต thainextstep2013, By: Seo Master

seo การแบ่งประเภท SEO ? 2013

Seo Master present to you:

การทำ SEO ถูกจำแนกออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้

White Hat SEO (SEO หมวกสีขาว)

การทำ SEO ประเภท White Hat คือ การทำเว็บคุณภาพ และทำ SEO โดยยึดแนวปฏิบัติต่าง ๆ ที่ Search Engine หลาย ๆ ค่ายแนะนำไว้ ซึ่งควรมีลักษณะดังนี้

หลีกเลี่ยงการทำ Hidden text หรือ Hidden Links
หลีกเลี่ยงการทำ Doorway
ไม่ทำ Spam Keyword
ไม่ทำ Duplicate Content
ไม่ทำ Cloaking หรือ Sneaky Redirects

Black Hat SEO (SEO หมวกสีดำ)

การทำ SEO ประเภท Black Hat คือ การทำ SEO โดยใช้เทคนิคต่าง ๆ ที่ไม่เป็นไปตามแนวปฏิบัติเพื่อให้ได้ประโยชน์ทาง SEO โดยไม่สนใจถึงความเหมาะสม ตามลักษณะที่ตรงข้ามกับการทำ White Hat SEO ทุกประการ (ไม่แนะนำให้ทำอย่างยิ่ง)

นอกจากหมวกขาวและหมวกดำแล้ว ในปัจจุบันยังมีการแบ่งประเภทแบบไม่เป็นทางการอีก 1 ประเภท คือ Gray Hat SEO (SEO หมวกสีเทา) ที่ทำ SEO แบบกึ่งหมวกขาวและหมวกดำ
ตัวอย่างเช่น การทำ Spam Keyword โดยการแต่งประโยคที่มี Keyword อยู่ในประโยคมาก ๆ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการทำ Black Hat SEO จะได้ผลเร็ว แต่ก็มักจะได้ผลแค่ระยะสั้น ๆ จึงขอสนับสนุนให้นัก SEO ทุกท่านทำเว็บด้วย White Hat SEO เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาวครับ

ศัพท์น่ารู้

Hidden Text คือ การซ่อนข้อความ ไม่ให้เห็นโดยมนุษย์แต่สามารถเห็นได้โดย Robot ของ Search Engine เช่น การทำสีตัวอักษรกับสีพื้นหลังเป็นสีเดียวกัน

Hidden Links คือ การซ่อนลิงค์ ไม่ให้เห็นโดยมนุษย์แต่สามารถเห็นได้โดย Robot ของ Search Engine เช่น การใช้ style=”display:none” ครอบแท็กของ Hyperlinks

Spam Keyword คือ การทำหน้าเว็บที่มีแต่ Keyword มากมาย

Duplicate Content คือ การคัดลอกหน้าเว็บให้เหมือนกัน เพื่อเพิ่มจำนวนหน้าของเว็บแบบไม่มีคุณภาพ

Doorway คือ การส่ง Robot ของ Search Engine ไปในหน้าที่มีแต่ Keyword ก่อนแสดงผลหน้าเว็บที่มีเนื้อหา

Cloaking คือ การทำหน้าเว็บที่แสดงผลแตกต่างกัน เมื่อถูกเรียกโดย Robot ของ Search Engine และผู้เข้าชมเว็บทั่ว ๆ ไป (แสดงผลให้คนอย่างหนึ่ง ให้บอทอย่างหนึ่ง)

Sneaky Redirects คือ การเปลี่ยนการแสดงผลจากหน้าหนึ่ง ไปอีกหน้าหนึ่งอย่างรวดเร็ว

เครดิต seo.siamsupport2013, By: Seo Master

seo ทำไมต้อง Search Engine Optimization (SEO) 2013

Seo Master present to you:
Search Engine เป็นสื่อออนไลน์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ทั้งยังเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายบนอินเตอร์เน็ตได้มากที่สุดเมื่อเทียบกับสื่อ โฆษณาแบบ Online อย่างป้ายโฆษณา (Banner) และสื่อ Offline อย่างโทรทัศน์และป้ายโฆษณาทั่วไป เมื่อเปรียบเทียบในแง่การแสดงผล และจำนวนของผู้ที่จะได้เห็นป้ายโฆษณาเหล่านั้น Search Engine กลับมีค่าใช้จ่ายในการทำโฆษณาที่ถูกกว่าหลายเท่าตัว ดังนี้แล้วหากต้องการที่จะเพิ่มช่องทางการตลาด เพิ่มยอดขาย เพิ่มอัตราผู้เข้าชมเว็บไซต์ ควรจะต้องทำให้เว็บไซต์ของเรานั้นติดอันดับอยู่ใน 10 อันดับแรก ของผลการค้นหา ในทุกครั้งที่มีการค้นหาจากคำค้นหา (keyword) ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของเว็บไซต์เรา

ดังนั้นการทำ Search Engine Optimizgation (SEO) ถือ ว่าเป็นสิ่งจำเป็นมาก สำหรับเว็บไซต์ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต เพราะผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตเหล่านี้จะสามารถเข้าถึง และรู้จักเว็บไซต์ของเราได้ง่ายมากขึ้น และยังแน่ใจได้ว่า เว็บไซต์ของเราคุ้มค่ากับทุกๆ การลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำ SEO เพราะสามารถติดตามและตรวจสอบผลการดำเนินการทุกขั้นตอนอย่างชัดเจน และเราจะได้รับผลตอบแทนที่ดีมากในอนาคต

จุดเด่นในการทำ Search Engine Optimization (SEO)

ประสิทธิภาพสูง : ทำให้มีผู้เข้าเว็บไซต์ของท่านมากขึ้น เพราะผู้ใช้ Search Engine ประมาณ 95% จะนิยมคลิกเฉพาะเว็บไซต์ที่ปรากฏใน 2 หน้าแรกเท่านั้น

เพิ่มความน่าเชื่อถือ : เนื่องจากผลลัพธ์ของการค้นหา จะปรากฎในตำแหน่งทางซ้ายมือ หรือเป็นตำแหน่งของผลการค้นหาธรรมชาติ ที่จะได้เปรียบมากกว่า ตำแหน่งผู้สนับสนุนทางด้านขวามือ ซึ่งเพิ่มความเชื่อถือให้กับลูกค้า ว่าเว็บไซต์ของท่านได้รับความนิยมอย่างสูง ในเว็บ Search Engine นั้น

ตรงกลุ่มเป้าหมาย : การทำ SEO นั้น จะส่งผลให้เว็บไซต์ของท่าน ได้รับการโฆษณาตรงตามกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างแท้จริง เพราะการเลือกคำค้นหา (Search Keyword) จะทำให้เว็บไซต์ของท่าน จะปรากฎเมื่อมีผู้สนใจในสินค้า และบริการประเภทนั้น ซึ่งมีความต้องการที่จะซื้อ หรือใช้บริการ ณ เวลานั้นด้วย

ประหยัด และคุ้มค่า : เมื่อเทียบกับการโฆษณา ประเภทอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ทีวี , วิทยุ , หนังสือพิมพ์ , นิตยสาร และการโฆษณาแบนเนอร์ในเว็บไซต์ นั้น วิธี SEO ถือว่าประหยัด และคุ้มค่าที่สุด เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้ในแง่ของธุรกิจ

เว็บไซต์ของท่าน จะปรากฎอยู่ตำแหน่งใดในเว็บไซต์ Search Engine ? การทำ SEO นั้น จะเน้นให้ผลของคำค้นหา (Search Keyword) ปรากฏอยู่ในส่วนของ “ผลการค้นหาธรรมชาติ” (Natural Search Result หรือ Organic Search Result) ซึ่งจะแสดงอยู่ในส่วนของผลลัพธ์ทางด้านซ้ายมือของเว็บ Search Engine นั่นเอง ดังรูป


เครดิต business-online 2013, By: Seo Master

seo ประโยชน์ของการทำ SEO (Search Engine Optimization) 2013

Seo Master present to you: ประโยชน์ของการทำ SEO Search Engine Optimization

ทุกวินาทีที่คุณกำลังอ่านบทความอยู่ ยังมีผู้คนหลายร้อยล้านคนกำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์และหลายล้านคนกำลัง ค้นหาข้อมูลผ่าน เสิร์ชเอนจิน Search Engine มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าคุณทำเว็บไซต์แล้วไม่มีผู้เข้าชม หรือไม่มีคนค้นพบเว็บไซต์ของคุณใน เสิร์ชเอนจิน Search Engine ได้เลย

1.การสร้างลูกค้าด้วยค่าใช้จ่ายที่ประหยัด

ในการทำ SEO ท่านเสียเงินค่าทำ SEO เพียงครั้งเดียว ถ้าหากเว็บไซต์ของเราทำ SEO อย่างถูกต้องแล้วก็ยิ่งจะทำให้เราได้รับผู้ เยี่ยมชมที่สามารถกลายเป็นลูกค้า ของเราได้อย่างง่ายดายโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ในขณะที่คนอื่นอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากต่อเดือนเพื่อลงโฆษณาบน Sponsored Links ไม่ว่าจะเป็น Google, Yahoo หรือ MSN หรือซื้อป้ายโฆษณาตามเว็บไซต์ดังๆ

2.ค่าใช้จ่ายที่คงที่

ค่าใช้จ่ายในการทำ Search Engine Optimization จะเป็นอะไรที่ค่อนข้างคงที่ ซึ่งในบางครั้งการทำ SEO ใน ช่วงแรกนั้นจะมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง แต่พอผ่านขั้นตอนแรกไปแล้ว หลังจากนั้นก็จะเป็นขั้นตอนของการบำรุงรักษาอันดับ ค่าบริการสามารถลดลงได้ แต่ในทางกลับกัน การลงโฆษณาแบบ Paid-Search จะค่อนข้างเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

3.ช่วยสร้าง Brand Image

ถ้าหากตราสินค้าหรือองค์กรของคุณมีเว็บไซต์ของตัวเอง เมื่อลูกค้าพยายามค้นหาเว็บไซต์ของคุณกับพบเจอแต่เว็บไซต์ของคู่แข่ง คุณว่ามันจะเสียหายต่อธุรกิจของคุณแค่ไหน ซ้ำร้ายไปกว่านั้นจากประสบการณ์การทำเว็บไซต์ของผมพบว่าบางครั้งเราจะค้นหา เว็บไซต์หนึ่ง กลับพบเจอแต่เว็บไซต์อื่นที่พูดถึงเว็บไซต์ที่ผมพยายามจะค้นหาอยู่นั้นในแง่ เสียหาย อาจเกิดมาจากลูกค้าของคุณเองที่เข้าใจผิดหรือการจงใจสร้างข่าวของคู่แข่ง เป็นต้น และนอกจากที่ได้กล่าวไปแล้ว ถ้าหากเว็บไซต์ของคุณติดอันดับต้นของ เสิร์ชเอนจิน Brand ของของคุณ ก็จะปรากฏต่อสายตาผู้ค้นหาเป็นจำนวนมาก ย่อมทำให้ Brand ของคุณเป็นที่รู้จักแพร่หลายอีกด้วย

4.ช่วยสร้างมาตรฐานในเว็บไซต์

ในการทำ SEO ผู้ทำจำเป็นที่จะต้องเข้าไปปรับรูปแบบของเว็บไซต์ ที่จำเป็นต่อการทำ SEO และ ประโยชน์ที่จะตามมานั้นก็คือจะช่วยทำให้เว็บไซต์ของเราเป็นมาตรฐานมากขึ้น และเป็นประโยชน์กับผู้เข้าชมเว็บไซต์

5.ช่วยสร้างลูกค้าใหม่

การค้นหานั้นเกิดจากความต้องการของผู้เยี่ยมชม เพราะฉะนั้นแล้วผู้เยี่ยมชมที่มาจาก Search Engine โดยส่วนมากจะมีความสนใจในสินค้าหรือบริการ และถ้าหากเว็บไซต์ของเราแสดงเนื้อหา ข้อมูลที่พวกเขาต้องการ การที่พวกเขาเหล่านั้นจะเปลี่ยนเป็นลูกค้าประจำคนใหม่ของคุณนั้นก็มีโอกาส เป็นได้สูงเช่นกัน

6.SEO ทำหน้าที่โดยไม่เคยหลับ

Search Engine นั้น เปรียบเทียบได้กับบริษัทโฆษณาส่วนตัวของคุณและทำงานให้คุณตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน 7 วันต่ออาทิตย์ 365 วันต่อปี ถ้าหากเว็บไซต์ของคุณมีการทำ SEO ติดอันดับต้นๆ Search Engine ก็เปรียบได้กับบริษัทโฆษณาที่ไม่เคยหลับ

เครดิต idoseo.org 2013, By: Seo Master

seo หลักการทำงาน Search Engine 2013

Seo Master present to you:

หลักการทำงาน Search Engine ปัจจัยการทำงานหลักอยู่ 3 ประการ

1. Search Engine ทั้งหลายค้นหาข้อมูลใน Internet และเลือกสรรเว็บเพจต่าง ๆ ออกมาตามคำสั่ง ของผู้ใช้งาน Keyword

2. Search Engine วิ่งเข้าไปเก็บข้อมูลต่าง ๆ เอามาเก็บไว้ในฐานข้อมูล Indexing เพื่อรอการเรียก ค้นหา (Indexing ก็จะคล้ายๆ กับ ดัชนีท้ายเล่มหนังสือนั่นเอง)

3. Search Engine อนุญาติให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ด้วยการเปรียบเทียบการสอดคล้องระหว่างคำ หรือข้อมูลที่เป็นประโยคสั้น ๆ ที่ใช้ค้นหาใน Index ของ "Search Engine" ดังนั้นก่อนที่ Search Engine จะบอกคุณว่า ข้อมูลที่คุณหาอยู่ในเว็บเพจใดในโลก Internet มันจะต้องมีข้อมูลทั้งหมดอยู่แล้ว เพราะฉนั้น Search engine จึงมีซอฟต์แวร์อัตโนมัติที่เรียกว่า Spider หรือ Robot ที่จะคอยวิ่ง (Crawling) ไปตามเว็บเพจต่างๆ โดยการใช้ลิงก์มากมายเป็นถนม ให้มันวิ่งผ่านแล้วเอาข้อมูลหรือเนื้อหาของเว็บเพจเหล่านั้นมาเก็บใส่ Index ของมันเอาไว้เพื่อเตรียมการรอว่าเมื่อไหร่จะมีใครมาค้นเจอนอกจากการใช้ลิงก์ในการเก็บข้อมูล ยังมีอีกสิ่งที่เป็นตัวกระตุ้นโดยสามารถ เรียกเจ้า Spider ให้เข้ามาเก็บข้อมูลได้อีกคือ ความนิยมของเพจนั้น ๆ เพราะเจ้า Spider มันจะวิ่งเข้าหาเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เก็บไฟล์เว็บเพจนั้น (Server) ที่มีอัตราการใช้อย่างหนักหน่วงในแต่ละวินาที พูดง่ายก็คือเว็บเพจใดที่มีคน
เข้าไปดูมาก ๆ เป็นที่นิยม และมีการอัปเดตเนื้อหาอยู่บ่อย ๆ เจ้า Spider มันจะเข้ามาเองนั้นแหละ

ทั้งหมดที่ว่ามา ก็คือพื้นฐานหลักการทำงานของ "Search Engine" ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ หรือไม่เคยสนใจ แต่หลายคนอาจจะมาาขอบคุณผมที่หลังก็ได้ ถ้าคุณตั้งใจจะทำ "SEO" จริง

เครดิต seo-service 2013, By: Seo Master

seo SEO คืออะไร ? 2013

Seo Master present to you: เอสอีโอ (SEO : Search Engine Optimization) หรือ การเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหา เป็นการจัดทำ ปรับปรุง หรือปรับแต่งหน้าเว็บไซต์เพื่อให้ติดอันดับต้น ๆ ในหน้าผลการค้นหาของ เสิร์ชเอนจิน ในลักษณะธรรมชาติ (เรียกศัพท์เฉพาะว่า "ออร์แกนิก") ซึ่งผ่านทางเป้าหมายของคำค้นหาที่ต้องการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ การทำการตลาดผ่านระบบค้นหา หรือ Search Engine Marketing (SEM)

เอสอีโอ เป็นการเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดใน เสิร์จเอนจิน คือ การปรับปรุงเว็บไซต์ด้วย เทคนิคต่าง ๆ เพื่อให้ติดอันดับต้น ๆ ของเว็บ เสิร์ชเอนจิน ด้วยคำสำคัญหรือคีย์เวิร์ด โดยเน้นให้ผลของคำค้นปรากฏอยู่ในส่วนของ Natural Search Result (Organic Search Result) หรือในส่วนของผลลัพธ์ทางด้านซ้ายมือของเว็บ เสิร์ชเอนจิน เวลาที่คนเข้ามาค้นหาในเว็บ เสิร์ชเอนจิน เช่นที่ กูเกิล ยาฮู หรือ บิง ด้วยคำสำคัญที่ต้องการค้นหาแล้ว จะปรากฏลิงก์ของเว็บไซต์ของ เราเพื่อทำให้ติดอันดับต้น ๆ ในหน้าผลการค้นหา ซึ่งการทำ เอสอีโอ นั้นจะประกอบไปด้วย การปรับปรุง-เพิ่มคำสำคัญ (คีย์เวิร์ด) ในหน้าเว็บไซต์ การปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ให้มีขนาดเล็ก การใช้ Meta Tag การหาเว็บไซต์ที่สามารถเชื่อมโยงหรือลิงก์เข้ามาสู่เว็บไซต์ที่ต้องการจัดทำ เอสอีโอ และวิธีอื่น ๆ ควบคู่กันไป เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจเกี่ยวกับ เอสอีโอ นั้นก็เหมือนช่องทางหนึ่งในการทำการตลาด โดยการทำความเข้าใจว่าอัลกอริทึมของ เสิร์ชเอนจิน นั้นทำงานอย่างไร และ คำ ๆ ไหนที่ผู้เยี่ยมชมมีความต้องการที่จะค้นหา เพื่อช่วยเลือกเว็บเพจที่ตอบสนองความต้องการและความสนใจของผู้ทำการค้นหา

การสร้างเว็บเพจโดยการใช้เทคนิค เอสอีโอ นั้น ก็ไม่ได้หมายถึงการสร้างเนื้อหาที่เป็นที่ชื่นชอบต่อ เสิร์ชเอนจิน เพียงอย่าง เดียวโดยที่ไม่คำนึงถึงผู้เยี่ยมชม ซึ่งวิธีการทำ เอสอีโอ นั้น อาจจะมีการเกี่ยวข้องกับการปรับปรุงโค๊ดของเว็บไซต์, การนำเสนอ, โครงสร้างของเว็บไซต์ และสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งของการทำ เอสอีโอ ก็คือเนื้อหาที่มีประโยชน์ และจะต้องเป็นเนื้อหาต้นฉบับที่ไม่ได้ทำการคัดลอกหรือลอกเลียนมาจากเว็บไซต์ อื่นใด

เครดิต วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี 2013, By: Seo Master

seo Custom robots.txt for Blogger 2013

Seo Master present to you:
Custom robots.txt for BloggerCustom robots.txt is a way for you to instruct the search engine that you don’t want it to crawl certain pages of your blog (“crawl” means that crawlers, like Googlebot, go through your content, and index it so that other people can find it when they search for it). For example, let’s say there are parts of your blog that have information you would rather not promote, either for personal reasons or because it doesn’t represent the general theme of your blog -- this is where you can clarify these restrictions.

Custom robot.txt for Blogger

However, keep in mind that other sites may have linked to the pages that you’ve decided to restrict. Further, Google may index your page if we discover it by following a link from someone else's site. To display it in search results, Google will need to display a title of some kind and because we won't have access to any of your page content, we will rely on off-page content such as anchor text from other sites. (To truly block a URL from being indexed, you can use meta tags.)
To exclude certain content from being searched, go to Settings | Search Preferences and click Edit next to "Custom robots.txt." Enter the content which you would like web robots to ignore. For example:

User-agent: *
Disallow: /about

You can also read about robot.txt on this post on the Google Webmaster’s blog.

Warning! Use with caution. Incorrect use of this feature can result in your blog being ignored by search engines.
2013, By: Seo Master

seo Optimise Blog Title for Blogger 2013

Seo Master present to you:
Optimise Blog Title for Blogger The search results including those on search engines like Google and Yahoo use these titles.So it is always better to keep your title more related to your post content.
Search Engines do not re-index your site every day. So these changes won’t be reflected onto Google Search result pages until Google’s crawlers reach that page again.


Login to your blogger account
From your Dashboard opt for Layout/ Design/Template
Now choose Edit Html. You will see your template code there. In that template code find.

Blog Title - Post Title
<title><data:blog.pageTitle/></title>
and replace it with

Post Title - Blog Title
<b:if cond='data:blog.url == data:blog.homepageUrl'>
<title><data:blog.pageTitle/></title>
<b:else/>
<title><data:blog.pageName/><b:if cond='data:blog.pageName'> - </b:if><data:blog.title/></title>
</b:if> 
2013, By: Seo Master

seo 40+ Web Design Mistakes You Should Avoid 2013

Seo Master present to you:
40+ Web Design Mistakes You Should Avoid
There are several lists of web design mistakes around the Internet. Most of them, however, are the “Most common” or “Top 10” mistakes. Every time I crossed one of those lists I would think to myself: “Come on, there must be more than 10 mistakes…”. Then I decided to write down all the web design mistakes that would come into my head; within half an hour I had over thirty of them listed. Afterwards I did some research around the web and the list grew to 43 points.
The next step was to write a short description for each one, and the result is the collection of mistakes that you will find below. Some of the points are common sense, others are quite polemic. Most of them apply to any website though, whether we talk about a business entity or a blog. Enjoy!


1. The user must know what the site is about in seconds: attention is one the most valuable currencies on the Internet. If a visitor can not figure what your site is about in a couple of seconds, he will probably just go somewhere else. Your site must communicate why I should spend my time there, and FAST!

2. Make the content scannable: this is the Internet, not a book, so forget large blocks of text. Probably I will be visiting your site while I work on other stuff so make sure that I can scan through the entire content. Bullet points, headers, subheaders, lists. Anything that will help the reader filter what he is looking for.

3. Do not use fancy fonts that are unreadable: sure there are some fonts that will give a sophisticated look to your website. But are they readable? If your main objective is to deliver a message and get the visitors reading your stuff, then you should make the process comfortable for them.

4. Do not use tiny fonts: the previous point applies here, you want to make sure that readers are comfortable reading your content. My Firefox does have a zooming feature, but if I need to use on your website it will probably be the last time I visit it.

5. Do not open new browser windows: I used to do that on my first websites. The logic was simple, if I open new browser windows for external links the user will never leave my site. WRONG! Let the user control where he wants the links to open. There is a reason why browsers have a huge “Back” button. Do not worry about sending the visitor to another website, he will get back if he wants to (even porn sites are starting to get conscious regarding this point lately…).

6. Do not resize the user’s browser windows: the user should be in control of his browser. If you resize it you will risk to mess things up on his side, and what is worse you might lose your credibility in front of him.

7. Do not require a registration unless it is necessary: lets put this straight, when I browse around the Internet I want to get information, not the other way around. Do not force me to register up and leave my email address and other details unless it is absolutely necessary (i.e. unless what you offer is so good that I will bear with the registration).

8. Never subscribe the visitor for something without his consent: do not automatically subscribe a visitor to newsletters when he registers up on your site. Sending unsolicited emails around is not the best way to make friends.

9. Do not overuse Flash: apart from increasing the load time of your website, excessive usage of Flash might also annoy the visitors. Use it only if you must offer features that are not supported by static pages.

10. Do not play music: on the early years of the Internet web developers always tried to successfully integrate music into websites. Guess what, they failed miserably. Do not use music, period.

11. If you MUST play an audio file let the user start it: some situations might require an audio file. You might need to deliver a speech to the user or your guided tour might have an audio component. That is fine. Just make sure that the user is in control, let him push the “Play” button as opposed to jamming the music on his face right after he enters the website.

12. Do not clutter your website with badges: first of all, badges of networks and communities make a site look very unprofessional. Even if we are talking about awards and recognition badges you should place them on the “About Us” page.

13. Do not use a homepage that just launches the “real” website: the smaller the number of steps required for the user to access your content, the better.

14. Make sure to include contact details: there is nothing worse than a website that has no contact details. This is not bad only for the visitors, but also for yourself. You might lose important feedback along the way.

15. Do not break the “Back” button: this is a very basic principle of usability. Do not break the “Back” button under any circumstance. Opening new browser windows will break it, for instance, and some Javascript links might also break them.

16. Do not use blinking text: unless your visitors are coming straight from 1996, that is.

17. Avoid complex URL structures: a simple, keyword-based URL structure will not only improve your search engine rankings, but it will also make it easier for the reader to identify the content of your pages before visiting them.

18. Use CSS over HTML tables: HTML tables were used to create page layouts. With the advent of CSS, however, there is no reason to stick to them. CSS is faster, more reliable and it offers many more features.

19. Make sure users can search the whole website: there is a reason why search engines revolutionized the Internet. You probably guessed it, because they make it very easy to find the information we are looking for. Do not neglect this on your site.

20. Avoid “drop down” menus: the user should be able to see all the navigation options straight way. Using “drop down” menus might confuse things and hide the information the reader was actually looking for.

21. Use text navigation: text navigation is not only faster but it is also more reliable. Some users, for instance, browse the Internet with images turned off.

22. If you are linking to PDF files disclose it: ever clicked on a link only to see your browser freezing while Acrobat Reader launches to open that (unrequested) PDF file? That is pretty annoying so make sure to explicit links pointing to PDF files so that users can handle them properly.

23. Do not confuse the visitor with many versions: avoid confusing the visitor with too many versions of your website. What bandwidth do I prefer? 56Kbps? 128Kbps? Flash or HTML? Man, just give me the content!

24. Do not blend advertising inside the content: blending advertising like Adsense units inside your content might increase your click-through rate on the short term. Over the long run, however, this will reduce your readership base. An annoyed visitor is a lost visitor.

25. Use a simple navigation structure: sometimes less is more. This rule usually applies to people and choices. Make sure that your website has a single, clear navigation structure. The last thing you want is to confuse the reader regarding where he should go to find the information he is looking for.

26. Avoid “intros”: do not force the user to watch or read something before he can access to the real content. This is plain annoying, and he will stay only if what you have to offer is really unique.

27. Do not use FrontPage: this point extends to other cheap HTML editors. While they appear to make web design easier, the output will be a poorly crafted code, incompatible with different browsers and with several bugs.

28. Make sure your website is cross-browser compatible: not all browsers are created equal, and not all of them interpret CSS and other languages on the same way. Like it or not, you will need to make your website compatible with the most used browsers on the market, else you will lose readers over the long term.

29. Make sure to include anchor text on links: I confess I used to do that mistake until some time ago. It is easier to tell people to “click here”. But this is not efficient. Make sure to include a relevant anchor text on your links. It will ensure that the reader knows where he is going to if he clicks the link, and it will also create SEO benefits for the external site where the link is pointing.

30. Do not cloak links: apart from having a clear anchor text, the user must also be able to see where the link is pointing on the status bar of his browser. If you cloak your links (either because they are affiliate ones or due to other reasons) your site will lose credibility.

31. Make links visible: the visitor should be able to recognize what is clickable and what is not, easily. Make sure that your links have a contrasting color (the standard blue color is the optimal most of the times). Possibly also make them underlined.

32. Do not underline or color normal text: do not underline normal text unless absolutely necessary. Just as users need to recognize links easily, they should not get the idea that something is clickable when in reality it is not.

33. Make clicked links change color: this point is very important for the usability of your website. Clicked links that change color help the user to locate himself more easily around your site, making sure that he will not end up visiting the same pages unintentionally.

34. Do not use animated GIFs: unless you have advertising banners that require animation, avoid animated GIFs. They make a site look unprofessional and detract the attention from the content.

35. Make sure to use the ALT and TITLE attributes for images: apart from having SEO benefits the ALT and TITLE attributes for images will play an important role for blind users.

36. Do not use harsh colors: if the user is getting a headache after visiting your site for 10 consecutive minutes, you probably should pick a better color scheme. Design the color palette around your objectives (i.e. deliver a mood, let the user focus on the content, etc.).

37. Do not use pop ups: this point refers to pop ups of any kind. Even user requested pop ups are a bad idea given the increasing amount of pop blockers out there.

38. Avoid Javascript links: those links execute a small Javascript when the user clicks on them. Stay away from them since they often create problems for the user.

39. Include functional links on your footer: people are used to scrolling down to the footer of a website if they are not finding a specific information. At the very least you want to include a link to the Homepage and possibly a link to the “Contact Us” page.

40. Avoid long pages: guess what, if the user needs to scroll down forever in order to read your content he will probably just skip it altogether. If that is the case with your website make it shorter and improve the navigation structure.

41. No horizontal scrolling: while some vertical scrolling is tolerable, the same can not be said about horizontal scrolling. The most used screen resolution nowadays is 1024 x 768 pixels, so make sure that your website fits inside it.

42. No spelling or grammatical mistakes: this is not a web design mistake, but it is one of the most important factors affecting the overall quality of a website. Make sure that your links and texts do not contain spelling or grammatical mistakes.

43. If you use CAPTCHA make sure the letters are readable: several sites use CAPTCHA filters as a method of reducing spam on comments or on registration forms. There is just one problem with it, most of the times the user needs to call his whole family to decipher the letters.
44. Specify the source article: this is very important in SEO friendly with Google, you will not be marked as spamer.

45. Google-friendly sites
Check out our Search Engine Optimization Starter Guide!
Things to do

Our Webmaster Guidelines provide general design, technical, and quality guidelines. Below are more detailed tips for creating a Google-friendly site.

Give visitors the information they're looking for

Provide high-quality content on your pages, especially your homepage. This is the single most important thing to do. If your pages contain useful information, their content will attract many visitors and entice webmasters to link to your site. In creating a helpful, information-rich site, write pages that clearly and accurately describe your topic. Think about the words users would type to find your pages and include those words on your site.

Make sure that other sites link to yours

Links help our crawlers find your site and can give your site greater visibility in our search results. When returning results for a search, Google uses sophisticated text-matching techniques to display pages that are both important and relevant to each search. Google interprets a link from page A to page B as a vote by page A for page B. Votes cast by pages that are themselves "important" weigh more heavily and help to make other pages "important."

Keep in mind that our algorithms can distinguish natural links from unnatural links. Natural links to your site develop as part of the dynamic nature of the web when other sites find your content valuable and think it would be helpful for their visitors. Unnatural links to your site are placed there specifically to make your site look more popular to search engines. Some of these types of links (such as link schemes and doorway pages) are covered in our Webmaster Guidelines.

Only natural links are useful for the indexing and ranking of your site.

Make your site easily accessible

Build your site with a logical link structure. Every page should be reachable from at least one static text link.

Use a text browser, such as Lynx, to examine your site. Most spiders see your site much as Lynx would. If features such as JavaScript, cookies, session IDs, frames, DHTML, or Macromedia Flash keep you from seeing your entire site in a text browser, then spiders may have trouble crawling it.

Things to avoid

Don't fill your page with lists of keywords, attempt to "cloak" pages, or put up "crawler only" pages. If your site contains pages, links, or text that you don't intend visitors to see, Google considers those links and pages deceptive and may ignore your site.

Don't feel obligated to purchase a search engine optimization service. Some companies claim to "guarantee" high ranking for your site in Google's search results. While legitimate consulting firms can improve your site's flow and content, others employ deceptive tactics in an attempt to fool search engines. Be careful; if your domain is affiliated with one of these deceptive services, it could be banned from our index.

Don't use images to display important names, content, or links. Our crawler doesn't recognize text contained in graphics. Use ALT attributes if the main content and keywords on your page can't be formatted in regular HTML.

Don't create multiple copies of a page under different URLs. Many sites offer text-only or printer-friendly versions of pages that contain the same content as the corresponding graphic-rich pages. If your site has identical content that can be reached via different URLs, there are several ways of indicating the canonical (preferred) version of a page. More information about canonicalization.


2013, By: Seo Master

seo Create Breadcrumbs On Blogger - Breadcrumb for Blogger 2013

Seo Master present to you:
Create Breadcrumbs On Blogger - Breadcrumb for BloggerHow to create breadcrumbs for blogger? How to Make Breadcrumbs Menu ?
Breadcrumb for Blogger Breadcrumbs or breadcrumb trail is a navigation aid used in user interfaces. It gives users a way to keep track of their location within programs or documents. The term comes from the trail of breadcrumbs left by Hansel and Gretel in the popular fairytale.

The trails like Home » Label » Post Name are the breadcrumbs.

Here is a screenshot of a Breadcrumb Trail



Now that you know what a breadcrumb is , let us get into the details of adding the same to your Blogger Blog.

1. Go to Template > Edit HTML and  check the check box which says Expand the Widget Templates.
2. Now in the Template, Find
<b:include data='top' name='status-message'/>
and immediately above that, paste this line of code
<b:include data='posts' name='breadcrumb'/>
3. Now find
<b:includable id='main' var='top'>
If you find two occurrences of this, then locate the second one(locate the only one otherwise) and immediately above that paste this code snippet
<b:includable id='breadcrumb' var='posts'>
<b:if cond='data:blog.homepageUrl != data:blog.url'>
<b:if cond='data:blog.pageType == "static_page"'>
<div class='breadcrumbs'><span><a expr:href='data:blog.homepageUrl' rel='tag'>Home</a></span> » <span><data:blog.pageName/></span></div>
<b:else/>
<b:if cond='data:blog.pageType == "item"'>
<!-- breadcrumb for the post page -->
<b:loop values='data:posts' var='post'>
<b:if cond='data:post.labels'>
<div class='breadcrumbs' xmlns:v="http://rdf.data-vocabulary.org/#">
<span typeof="v:Breadcrumb"><a expr:href='data:blog.homepageUrl' rel="v:url" property="v:title">Home</a></span>
<b:loop values='data:post.labels' var='label'>
<b:if cond='data:label.isLast == "true"'>
» <span typeof="v:Breadcrumb"><a expr:href='data:label.url' rel="v:url" property="v:title"><data:label.name/></a></span>
</b:if>
</b:loop>
» <span><data:post.title/></span>
</div>
<b:else/>
<div class='breadcrumbs'><span><a expr:href='data:blog.homepageUrl' rel='tag'>Home</a></span> » <span>Unlabelled</span> » <span><data:post.title/></span></div>
</b:if>
</b:loop>
<b:else/>
<b:if cond='data:blog.pageType == "archive"'>
<!-- breadcrumb for the label archive page and search pages.. -->
<div class='breadcrumbs'>
<span><a expr:href='data:blog.homepageUrl'>Home</a></span> » <span>Archives for <data:blog.pageName/></span>
</div>
<b:else/>
<b:if cond='data:blog.pageType == "index"'>
<div class='breadcrumbs'>
<b:if cond='data:blog.pageName == ""'>
<span><a expr:href='data:blog.homepageUrl'>Home</a></span> » <span>All posts</span>
<b:else/>
<span><a expr:href='data:blog.homepageUrl'>Home</a></span> » <span>Posts filed under <data:blog.pageName/></span>
</b:if>
</div>
</b:if>
</b:if>
</b:if>
</b:if>
</b:if>
</b:includable>
This code will only display the last label of the post in the breadcrumb. If you want to display all the labels, then you will have to remove those 2 green lines of code.
4. Save the Template
5. If you want to make the breadcrumb smaller then go to Template Designer >Advanced > Add CSS and add the following Snippet there and Apply the changes
.breadcrumbs {
padding:5px 5px 5px 0px;
margin: 0px 0px 15px 0px;
font-size:95%;
line-height: 1.4em;
border-bottom:3px double #e6e4e3;
}
Now you should have a working breadcrumb navigation on your system. The original breadcrumb idea is based on Hoctro's Code from HOCTRO  breadcrumb hack. It has been modified to accommodate Search Pages, Label Pages and Archives.The post breadcrumb uses RDF breadcrumb Markup to assist you in displaying breadcrumbs in Google Search Results.
2013, By: Seo Master

seo SEO - Optimize Meta Description 2013

Seo Master present to you:
Blogger SEO - Optimize Meta Description
Blogger SEO - Optimize Meta Description for blogger - SEO Meta Description Optimization Blogspot.

WHAT IS META DESCRIPTION

If you use Blogger custom templates, most likely you might have seen/added meta description tag in the head of your template;



<meta name="description" content="Template, tutorials, and articles to help Blogger users build a better Blogger blog" />
You can see the <meta> tag defines a description of a page. Search engines will use the text inside content attribute, in this case "Template, tutorials, and articles to help Blogger users build a better Blogger blog", as metadata when indexing that page. However don't get wrong here: Google itself doesn't use meta description tag to rank your pages. The only thing the metadata does is show up under the page title in search results.


META DESCRIPTION AND SEO

It does make sense but nothing to do with rankings. Aside showing the most relevant results for particular keywords, Google aims telling a searcher what the content is about on a web page. Providing a summary of the page on the SERPs supposes to help the searcher saving his time looking for the right information. Here meta description tags will play their role.

There are a lot of webmasters that misuse meta description tags to spam the SERPs. To promote their brands or services. They start stuffing keywords in the description to feed web crawlers and hope winning content relevancy. So basically meta description tags have been ignored when Google has started looking at the actual content of the web pages.
If the meta description is not present, search engines will display 150-character summary from any parts of the page content. I also noticed a few times that the summary came from visitor's comment.

Furthermore nowadays most social media sharing tools also will pick up meta description tag (if available) as a snippet - A very brief and concise summary (1-2 sentences) of your page's content. If not there, they will grab your contents directly.


INCREASE TRAFFIC WITH META DESCRIPTION

So why we should optimize this web feature?. Because having a page ranked on SERP isn't going to get you anywhere if no one clicks on it.

Meta descriptions for your web pages can improve the chances of your site being clicked on.
2013, By: Seo Master
Powered by Blogger.