Les nouveautés et Tutoriels de Votre Codeur | SEO | Création de site web | Création de logiciel

seo ประโยชน์ของการทำ SEO (Search Engine Optimization) 2013

Seo Master present to you: ประโยชน์ของการทำ SEO Search Engine Optimization

ทุกวินาทีที่คุณกำลังอ่านบทความอยู่ ยังมีผู้คนหลายร้อยล้านคนกำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์และหลายล้านคนกำลัง ค้นหาข้อมูลผ่าน เสิร์ชเอนจิน Search Engine มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าคุณทำเว็บไซต์แล้วไม่มีผู้เข้าชม หรือไม่มีคนค้นพบเว็บไซต์ของคุณใน เสิร์ชเอนจิน Search Engine ได้เลย

1.การสร้างลูกค้าด้วยค่าใช้จ่ายที่ประหยัด

ในการทำ SEO ท่านเสียเงินค่าทำ SEO เพียงครั้งเดียว ถ้าหากเว็บไซต์ของเราทำ SEO อย่างถูกต้องแล้วก็ยิ่งจะทำให้เราได้รับผู้ เยี่ยมชมที่สามารถกลายเป็นลูกค้า ของเราได้อย่างง่ายดายโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ในขณะที่คนอื่นอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากต่อเดือนเพื่อลงโฆษณาบน Sponsored Links ไม่ว่าจะเป็น Google, Yahoo หรือ MSN หรือซื้อป้ายโฆษณาตามเว็บไซต์ดังๆ

2.ค่าใช้จ่ายที่คงที่

ค่าใช้จ่ายในการทำ Search Engine Optimization จะเป็นอะไรที่ค่อนข้างคงที่ ซึ่งในบางครั้งการทำ SEO ใน ช่วงแรกนั้นจะมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง แต่พอผ่านขั้นตอนแรกไปแล้ว หลังจากนั้นก็จะเป็นขั้นตอนของการบำรุงรักษาอันดับ ค่าบริการสามารถลดลงได้ แต่ในทางกลับกัน การลงโฆษณาแบบ Paid-Search จะค่อนข้างเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

3.ช่วยสร้าง Brand Image

ถ้าหากตราสินค้าหรือองค์กรของคุณมีเว็บไซต์ของตัวเอง เมื่อลูกค้าพยายามค้นหาเว็บไซต์ของคุณกับพบเจอแต่เว็บไซต์ของคู่แข่ง คุณว่ามันจะเสียหายต่อธุรกิจของคุณแค่ไหน ซ้ำร้ายไปกว่านั้นจากประสบการณ์การทำเว็บไซต์ของผมพบว่าบางครั้งเราจะค้นหา เว็บไซต์หนึ่ง กลับพบเจอแต่เว็บไซต์อื่นที่พูดถึงเว็บไซต์ที่ผมพยายามจะค้นหาอยู่นั้นในแง่ เสียหาย อาจเกิดมาจากลูกค้าของคุณเองที่เข้าใจผิดหรือการจงใจสร้างข่าวของคู่แข่ง เป็นต้น และนอกจากที่ได้กล่าวไปแล้ว ถ้าหากเว็บไซต์ของคุณติดอันดับต้นของ เสิร์ชเอนจิน Brand ของของคุณ ก็จะปรากฏต่อสายตาผู้ค้นหาเป็นจำนวนมาก ย่อมทำให้ Brand ของคุณเป็นที่รู้จักแพร่หลายอีกด้วย

4.ช่วยสร้างมาตรฐานในเว็บไซต์

ในการทำ SEO ผู้ทำจำเป็นที่จะต้องเข้าไปปรับรูปแบบของเว็บไซต์ ที่จำเป็นต่อการทำ SEO และ ประโยชน์ที่จะตามมานั้นก็คือจะช่วยทำให้เว็บไซต์ของเราเป็นมาตรฐานมากขึ้น และเป็นประโยชน์กับผู้เข้าชมเว็บไซต์

5.ช่วยสร้างลูกค้าใหม่

การค้นหานั้นเกิดจากความต้องการของผู้เยี่ยมชม เพราะฉะนั้นแล้วผู้เยี่ยมชมที่มาจาก Search Engine โดยส่วนมากจะมีความสนใจในสินค้าหรือบริการ และถ้าหากเว็บไซต์ของเราแสดงเนื้อหา ข้อมูลที่พวกเขาต้องการ การที่พวกเขาเหล่านั้นจะเปลี่ยนเป็นลูกค้าประจำคนใหม่ของคุณนั้นก็มีโอกาส เป็นได้สูงเช่นกัน

6.SEO ทำหน้าที่โดยไม่เคยหลับ

Search Engine นั้น เปรียบเทียบได้กับบริษัทโฆษณาส่วนตัวของคุณและทำงานให้คุณตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน 7 วันต่ออาทิตย์ 365 วันต่อปี ถ้าหากเว็บไซต์ของคุณมีการทำ SEO ติดอันดับต้นๆ Search Engine ก็เปรียบได้กับบริษัทโฆษณาที่ไม่เคยหลับ

เครดิต idoseo.org 2013, By: Seo Master

seo Google คืออะไร ? 2013

Seo Master present to you:
Google คือ ผู้ให้บริการ Search Engine ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีผู้นิยมใช้งานมากกว่า 80% จากผู้เล่นอินเตอร์เน็ตทั้งหมด Google นอกจากจะให้บริการ Search Engine แล้ว ยังมีบริการอื่นๆที่มีประโยชน์อีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่น Gmail หรือ Google Mail เป็นบริการอีเมลล์ฟรีและมีขนาดพื้นที่เก็บเมลล์ใหญ่จุใจ ที่สำคัญ Google ให้ใช้ฟรีซะด้วยสิ Google Adsense เป็นแหล่งทำเงินบนอินเตอร์เน็ตชั้นดี ไม่ใช่ระบบลูกโซ่แบบที่เห็นๆกันในมากมายในบ้านเรา และที่ดีที่สุดคือไม่เบี้ยวเงินเราแน่นอน เมื่อเราทำยอดได้ตามเป้าหมาย กูเกิ้ลก็จะส่งเช็คมาถึงตู้จดหมายบ้านเรา ศึกษาเกี่ยวกับ การหารายได้จาก Google Google Adwords ใช้สำหรับลงโฆษณากับกูเกิ้ล เป็นการโปรโมทเว็บไซต์ในระยะสั้น และค่อนข้างได้ผลดี (โดยเฉพาะเว็บภาษาอังกฤษล้วน) Google Adwords เองยังสามารถนำไปประยุกต์เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย Blogger เป็น blog สารพัดประโยชน์ที่ผลิตโดยกูเกิ้ล จึงรองรับ Application ต่างๆในเครือกูเกิ้ลด้วย เช่น Google Adsense, Picasa Photo Album เป็นต้น ทำให้เราสามารถสร้าง Blog ดีๆแถมยังทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำอีกด้วย Google Webmaster Tools ชื่อก็บอกนะว่าเครื่องมือสำหรับเว็บมาสเตอร์ ซึ่งก็จะช่วยเว็บมาสตอร์จัดการส่งเว็บไซต์ของตนเข้าสู่การ Index ในกูเกิ้ล และมีบริการเก็บสถิติการ Crawl จาก Google Bot ด้วย Google Analytics เป็นบริการวิเคราะห์สถิติของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ อีกทั้งยังสามารถบอกแหล่งที่มาของผู้เข้าชม และ พื้นที่ของประเทศที่ผู้เข้าชมอาศัยอยู่ด้วย

เว็บไซต์ Google (www.Google.com) เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการในการค้นหาข้อมูลในโลกของอินเตอร์เน็ต โดยค้นหาข้อมูลจากข้อความ หรือตัวอักษรที่พิมพ์เข้าไป แล้วทำการค้นหาข้อมูล รูปภาพ หรือเว็บเพจที่เกี่ยวข้องนำมาแสดงผล เว็บไซต์ Google ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ต้องการค้นหาข้อมูล เว็บไซต์ Google แบ่งหมวดหมู่ของการค้นหาออกเป็น 4 หมวดหมู่ด้วยกัน ดังนี้คือ
  • เว็บ (Web) เป็นการค้นหาข้อมูลในรูปแบบของเว็บไซต์ต่าง ๆ ทั่วโลก โดยการแสดงผลจะแสดงเว็บไซต์ที่มีคำที่เป็น Keyword อยู่ภายเว็บไซต์นั้น
  • รูปภาพ (Images) เป็นการค้นหารูปภาพจากการแปลคำ Keyword
  • กลุ่มข่าว (News) เป็นการค้นหาข้อมูลที่เป็นเนื้อหาที่อยู่ในข่าว ซึ่งมีการระบุชื่อผู้เขียนข่าว หัวข้อข่าว วันที่และเวลาที่โพสต์ข่าว
  • สารบบเว็บ (Web Directory) Google มีการจัดประเภทของเว็บไซต์ออกเป็นหมวดหมู่ ซึ่งเราสามารถค้นหาเว็บในเรื่องที่ต้องการตามหมวดหมู่ที่มีอยู่แล้วได้เลย
วิธีการใช้งาน Google ค้นหาข้อมูลแบบติดจรวด

การค้นหาโดยทั่วไปส่วนใหญ่แล้วจะใช้คำ Keyword เป็นเครื่องมือในการนำทางการค้นหาอย่างเดียว แต่ถ้าเรารู้จักใช้เครื่องหมายบางตัวร่วมด้วย ก็จะทำให้ขอบเขตการค้นหาของ Google แคบลง ทำให้เราได้ข้อมูลที่ตรงกับความต้องการมากขึ้น เครื่องหมายที่สามารถนำมาช่วยในการค้นหาได้ มีดังนี้

การค้นหาด้วยเครื่องหมายบวก (+) เหมาะสำหรับการค้นหาคำ Keyword ที่มีลักษณะเป็นตัวเชื่อม เพราะโดยหลักการทำงานของ Google แล้ว Google จะไม่ค้นหาคำประเภทตัวเชื่อม เช่น at, with, on, what, when, where, how, the, to, of ถึงแม้ว่าเราจะมีการระบุเหล่านี้ลงใน Keyword ด้วยก็ตาม

ดังนั้นถ้าเราต้องการให้ Google ทำการค้นหาคำเหล่านี้ด้วย เนื่องจากเป็นคำสำคัญของประโยคที่เราต้องการ สามารถใช้เครื่องหมาย + ช่วยได้ โดยมีเงื่อนไข ว่า ก่อนหน้าเครื่องหมาย + ต้องมีการเว้นวรรค 1 เคาะด้วย เช่น ถ้าต้องการค้นหาเว็บไซต์เกี่ยวกับเกมส์ที่มีชื่อว่า Age of Empire ถ้าเราพิมพ์ Keyword ...Age of Empire… Google จะทำการค้นหาแยกคำโดยไม่สนใจ of คืออาจจะค้นหา Age หรือ Empire แค่ตัวเดียว แต่ถ้าเราระบุว่า Age +of Empire Google จะทำการค้นหาทั้งคำว่า Age, of และ Empire เป็นต้น

ภาพตัวอย่างการใช้เงื่อนไข (+)
การค้นหาด้วยเครื่องหมายลบ ( - ) จะช่วยให้เราสามารถตัดเรื่องที่เราไม่ต้องการ หรือไม่เกี่ยวข้องออกไปได้ เช่น ถ้าเราต้องการค้นหาเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการล่องแก่ง แต่ไม่ต้องการ การล่องแก่งที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดตาก ให้เราพิมพ์ Keyword ว่า ล่องแก่ง -ตาก (เช่นเดียวกับเครื่องหมาย + ต้องเว้นวรรคก่อนหน้าเครื่องหมายด้วย) Google จะทำการค้นหาเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการล่องแก่ง แต่ไม่มีจังหวัดตากเข้ามาเกี่ยวข้อง

ภาพตัวอย่างการใช้เงื่อนไข (-)
การค้นหาด้วยเครื่องหมายคำพูด ("...") เหมาะสำหรับการค้นหาคำ Keyword ที่มีลักษณะเป็นประโยควลี ที่เราต้องการให้มันแสดงผลทุกคำในประโยค โดยไม่แยกคำ เช่น ถ้าเราต้องการหาเว็บไซต์เกี่ยวกับเพลงที่มีชื่อว่า If I Let You Go ให้พิมพ์ว่า "If I Let You Go" Google จะทำการค้นหาประโยค "If I Let You Go" ทั้งประโยคโดยไม่แยกคำค้นหา

ภาพตัวอย่างการใช้เงื่อนไข ("...")
การค้นหาด้วยคำว่า OR เป็นการสั่งให้ Google ค้นหาข้อมูลเพิ่มมากขึ้น เช่น ถ้าเราต้องการค้นหาเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการล่องแก่ง ทั้งในจังหวัดตาก และปราจีนบุรี ให้เราพิมพ์ Keyword ว่า ล่องแก่ง ตาก OR ปราจีนบุรี Google จะทำการค้นหาเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการล่องแก่งทั้งในจังหวัดตาก และกาญจนบุรี

ภาพตัวอย่างการใช้เงื่อนไข (OR)

เครดิต maw_ne | dld.go.th2013, By: Seo Master

seo หลักการทำงาน Search Engine 2013

Seo Master present to you:

หลักการทำงาน Search Engine ปัจจัยการทำงานหลักอยู่ 3 ประการ

1. Search Engine ทั้งหลายค้นหาข้อมูลใน Internet และเลือกสรรเว็บเพจต่าง ๆ ออกมาตามคำสั่ง ของผู้ใช้งาน Keyword

2. Search Engine วิ่งเข้าไปเก็บข้อมูลต่าง ๆ เอามาเก็บไว้ในฐานข้อมูล Indexing เพื่อรอการเรียก ค้นหา (Indexing ก็จะคล้ายๆ กับ ดัชนีท้ายเล่มหนังสือนั่นเอง)

3. Search Engine อนุญาติให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ด้วยการเปรียบเทียบการสอดคล้องระหว่างคำ หรือข้อมูลที่เป็นประโยคสั้น ๆ ที่ใช้ค้นหาใน Index ของ "Search Engine" ดังนั้นก่อนที่ Search Engine จะบอกคุณว่า ข้อมูลที่คุณหาอยู่ในเว็บเพจใดในโลก Internet มันจะต้องมีข้อมูลทั้งหมดอยู่แล้ว เพราะฉนั้น Search engine จึงมีซอฟต์แวร์อัตโนมัติที่เรียกว่า Spider หรือ Robot ที่จะคอยวิ่ง (Crawling) ไปตามเว็บเพจต่างๆ โดยการใช้ลิงก์มากมายเป็นถนม ให้มันวิ่งผ่านแล้วเอาข้อมูลหรือเนื้อหาของเว็บเพจเหล่านั้นมาเก็บใส่ Index ของมันเอาไว้เพื่อเตรียมการรอว่าเมื่อไหร่จะมีใครมาค้นเจอนอกจากการใช้ลิงก์ในการเก็บข้อมูล ยังมีอีกสิ่งที่เป็นตัวกระตุ้นโดยสามารถ เรียกเจ้า Spider ให้เข้ามาเก็บข้อมูลได้อีกคือ ความนิยมของเพจนั้น ๆ เพราะเจ้า Spider มันจะวิ่งเข้าหาเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เก็บไฟล์เว็บเพจนั้น (Server) ที่มีอัตราการใช้อย่างหนักหน่วงในแต่ละวินาที พูดง่ายก็คือเว็บเพจใดที่มีคน
เข้าไปดูมาก ๆ เป็นที่นิยม และมีการอัปเดตเนื้อหาอยู่บ่อย ๆ เจ้า Spider มันจะเข้ามาเองนั้นแหละ

ทั้งหมดที่ว่ามา ก็คือพื้นฐานหลักการทำงานของ "Search Engine" ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ หรือไม่เคยสนใจ แต่หลายคนอาจจะมาาขอบคุณผมที่หลังก็ได้ ถ้าคุณตั้งใจจะทำ "SEO" จริง

เครดิต seo-service 2013, By: Seo Master

seo Keyword คืออะไร สำคัญอย่างไร ? 2013

Seo Master present to you: Keyword (คีย์เวิร์ด) ความหมาย Keyword ในภาษาของเครื่องคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต คือ คำหรือข้อความ ที่ผู้ใช้อินเตอร์เน็ต พิมพ์ลงไปเพื่อใช้ในการ ค้นหาเว็บไซต์ หรือข้อมูลต่าง ๆ นั่นเอง จะเป็นคำที่ใช้ในการอธิบายรูป ลักษณะของเอกสารนั้น เช่น ชื่อเรื่อง หัวข้อ หัวเรื่อง รายละเอียดอย่างย่อของเอกสาร เพื่อความสะดวก และความรวดเร็ว ในการสืบค้น เอกสารในข้อมูลระบบ ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาเว็บเพจ ที่อยู่ในฐานข้อมูลของ เสิร์ชเอนจิ้น หรือการสืบค้นเอกสารต่างๆ ในระบบของห้องสมุด เป็นต้น ดังนั้น Keyword คีย์เวิร์ด จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่ง Keyword นี้จะเป็นเหมือนสัญลักษณ์ประจำตัว ของหน้าเว็บเพจหรือเรื่องนั้น ๆ


เทคนิคของการสร้าง Keyword

การที่เราจะเพิ่มบทความขึ้นมา แต่ละบทความนั้น สิ่งแรกที่เราต้องคำนึงถึง ในแง่ SEO หรือ SEM ก็คือ Keyword

1. สร้างบทความขึ้นมาเพื่ออะไร
2. บทความนี้ Keyword อะไร
3. กลุ่มเป้าหมายคือใคร (ทั่วไปหรือคนที่หลงเข้ามา นั่นก็คือคุณนั้นเอง )
4. อื่นๆ (หลายๆส่วนประกอบกัน)

สร้าง บทความขึ้นมา 1 บทความ ต้องติด Google หรือ Search Engine ให้มากที่สุดของ Keyword นั้น ๆ เช่น บทความที่ผมสร้างขึ้นมานี้นั้น คำว่า Keyword ดังนั้น ค่า Keyword Density ของหน้านี้ต้องมี 5-15% นะครับทำให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ สำหรับคำว่า Keyword แต่ว่า ต้องสื่อให้เข้าใจด้วยนะครับ ไม่ใช่ว่าจะอัดคำ Keyword เข้าไป จนอ่านแล้วจับใจความไม่ได้

ประเภทของ Keyword

Keyword นั้นแบ่งออกได้หลายประเภทซึ่งผมไม่แน่ใจว่าเค้าจำกัดไว้กี่ประเภทที่ถูกหลัก แต่จะเอาประเภทของ Keyword ที่ได้ยินบ่อยๆมาเล่าให้ฟังแล้วกันครับ

Niche Keyword คือ keyword ที่มีการเจาะจงจำเพาะ ในตัวสินค้าหรือเอกสารนั้น ๆ keyword จะเป็นกลุ่มคำยาว เช่น Nintendo DS Lite เป็นต้น

Widely Keyword คือ keyword ที่มีความหมายกว้างๆและมักมีปริมาณการค้นหามากมีคู่แข่งมาก เช่น ipod, Nintendo, Blog เป็นต้น

Mass Keyword  คือ keyword จำนวนมาก ที่เกี่ยวข้องในตลาดเดียวกัน หรือสินค้าตัวเดียวกัน ซึ่งสอดคล้องกัน ในลักษณะชื่อที่คล้าย ๆกัน เช่น Nintendo DS, NintendoWii, Nintendo DSroms, NintendoWii game ประมาณนี้

Misspelling Keyword คือ Keyword ที่มีการสะกดคำผิด หรือเขียนผิด ประมาณว่าให้ชื่อมันคล้าย ๆ กับชื่อที่ถูกต้อง อาจจะเติม s หรือเติมตัวอักษรเพิ่มเติมเข้ามา เช่น Nintendos, Ipods, NNintendo, IIpod เป็นต้น

เครดิต kaweeclub.com 2013, By: Seo Master

seo เสิร์ชเอนจิน (Search Engine) คือ ? 2013

Seo Master present to you:
เสิร์ชเอนจิน (Search Engine) หรือ โปรแกรมค้นหา และคือ โปรแกรมที่ช่วยในการสืบค้นหาข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต โดยครอบคลุมทั้งข้อความ รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว เพลง ซอฟต์แวร์ แผนที่ ข้อมูลบุคคล กลุ่มข่าว และอื่น ๆ ซึ่งแตกต่างกันไปแล้วแต่โปรแกรมหรือผู้ให้บริการแต่ละราย

เสิร์ชเอนจิน ส่วนใหญ่จะค้นหาข้อมูลจากคำสำคัญ (คีย์เวิร์ด) ที่ผู้ใช้ป้อนเข้าไป จากนั้นก็จะแสดงรายการผลลัพธ์ที่มันคิดว่าผู้ใช้น่าจะต้องการขึ้นมา ในปัจจุบัน เสิร์ชเอนจิน บางตัว เช่น กูเกิล จะบันทึกประวัติการค้นหาและการเลือกผลลัพธ์ของผู้ใช้ไว้ด้วย และจะนำประวัติที่บันทึกไว้นั้น มาช่วยกรองผลลัพธ์ในการค้นหาครั้งต่อ ๆ ไป

 สัดส่วนของผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกา

   1. กูเกิล (Google) 49.2%
   2. ยาฮู(Yahoo!) 23.8%
   3. เอ็มเอสเอ็น (MSN ) 9.6%
   4. เอโอแอล (AOL) 6.3%
   5. อาส์ก (Ask) 2.6%
   6. อื่นๆ 8.5%

เครดิต วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี 2013, By: Seo Master

seo SEO คืออะไร ? 2013

Seo Master present to you: เอสอีโอ (SEO : Search Engine Optimization) หรือ การเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหา เป็นการจัดทำ ปรับปรุง หรือปรับแต่งหน้าเว็บไซต์เพื่อให้ติดอันดับต้น ๆ ในหน้าผลการค้นหาของ เสิร์ชเอนจิน ในลักษณะธรรมชาติ (เรียกศัพท์เฉพาะว่า "ออร์แกนิก") ซึ่งผ่านทางเป้าหมายของคำค้นหาที่ต้องการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ การทำการตลาดผ่านระบบค้นหา หรือ Search Engine Marketing (SEM)

เอสอีโอ เป็นการเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดใน เสิร์จเอนจิน คือ การปรับปรุงเว็บไซต์ด้วย เทคนิคต่าง ๆ เพื่อให้ติดอันดับต้น ๆ ของเว็บ เสิร์ชเอนจิน ด้วยคำสำคัญหรือคีย์เวิร์ด โดยเน้นให้ผลของคำค้นปรากฏอยู่ในส่วนของ Natural Search Result (Organic Search Result) หรือในส่วนของผลลัพธ์ทางด้านซ้ายมือของเว็บ เสิร์ชเอนจิน เวลาที่คนเข้ามาค้นหาในเว็บ เสิร์ชเอนจิน เช่นที่ กูเกิล ยาฮู หรือ บิง ด้วยคำสำคัญที่ต้องการค้นหาแล้ว จะปรากฏลิงก์ของเว็บไซต์ของ เราเพื่อทำให้ติดอันดับต้น ๆ ในหน้าผลการค้นหา ซึ่งการทำ เอสอีโอ นั้นจะประกอบไปด้วย การปรับปรุง-เพิ่มคำสำคัญ (คีย์เวิร์ด) ในหน้าเว็บไซต์ การปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ให้มีขนาดเล็ก การใช้ Meta Tag การหาเว็บไซต์ที่สามารถเชื่อมโยงหรือลิงก์เข้ามาสู่เว็บไซต์ที่ต้องการจัดทำ เอสอีโอ และวิธีอื่น ๆ ควบคู่กันไป เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจเกี่ยวกับ เอสอีโอ นั้นก็เหมือนช่องทางหนึ่งในการทำการตลาด โดยการทำความเข้าใจว่าอัลกอริทึมของ เสิร์ชเอนจิน นั้นทำงานอย่างไร และ คำ ๆ ไหนที่ผู้เยี่ยมชมมีความต้องการที่จะค้นหา เพื่อช่วยเลือกเว็บเพจที่ตอบสนองความต้องการและความสนใจของผู้ทำการค้นหา

การสร้างเว็บเพจโดยการใช้เทคนิค เอสอีโอ นั้น ก็ไม่ได้หมายถึงการสร้างเนื้อหาที่เป็นที่ชื่นชอบต่อ เสิร์ชเอนจิน เพียงอย่าง เดียวโดยที่ไม่คำนึงถึงผู้เยี่ยมชม ซึ่งวิธีการทำ เอสอีโอ นั้น อาจจะมีการเกี่ยวข้องกับการปรับปรุงโค๊ดของเว็บไซต์, การนำเสนอ, โครงสร้างของเว็บไซต์ และสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งของการทำ เอสอีโอ ก็คือเนื้อหาที่มีประโยชน์ และจะต้องเป็นเนื้อหาต้นฉบับที่ไม่ได้ทำการคัดลอกหรือลอกเลียนมาจากเว็บไซต์ อื่นใด

เครดิต วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี 2013, By: Seo Master

seo การทำ SEO คืออะไร 2013

Seo Master present to you:
การทำ SEO คืออะไร
การทำ SEO คืออะไร SEO หรือ Search engine optimization คือกระบวนการที่พยายามเพิ่ม Traffic ที่มีคุณภาพ เข้าสู่เว็บไซต์ (ของคุณ) จาก Search Enigne ต่างๆ ด้วยวิธีการต่างๆ เพราะโดยปกติแล้วเว็บไซต์ที่ปรากฏอยู่ใน Search Engine ในลำดับแรกๆ มักจะถูกคลิกบ่อยกว่าเว็บไซต์ที่อยู่ด้านล่าง หรืออยู่หน้าถัดไป โดยปกติแล้วเป้าหมายการทำ SEO นั้นอยู่หลายที่ เช่น Image Search, Video Search แต่ที่เราใช้มากที่สุดคือ Web Search นั่นเอง พูดง่ายๆ ก็คือ SEO คือการทำสงครามระหว่าง WebMaster ทั้งหลาย เพื่อช่วงชิงตำแหน่งสูงๆ ของผลลัพธ์ในการค้นหาจาก Search Engine ชื่อดังต่างๆ โดยมี Keyword เป็น อาวุธนั่นเอง การที่จะทำให้เว็บไซต์ของเรานั้นเป็นผลลัพธ์แรกๆ ในการค้นหาจาก Search Engine นั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่เราต้องอาศัยความพยายาม โดยหลักการทั่วๆ ไปดังนี้

  1. เลือก Domain Name ที่เกี่ยวกับเนื้อหาของเว็บไซต์ ตัวอย่างของเว็บไซต์ที่เลือก Domain Name ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาคือ GameSpot.com ซึ่งตัวเว็บไซต์ ก็มีเนื้อหาเกี่ยวกับ Game
  2. การอัพเดทเนื้อหาที่สม่ำเสมอ การอัพเดทเว็บไซต์บ่อยๆ จะทำให้ Search Engine ได้รับข้อมูลใหม่ของเว็บไซต์เราบ่อยๆ โดยปกติแล้ว Search Engine จะชอบเว็บไซต์ ที่มีการเพิ่มเนื้อหาสม่ำเสมอ มากกว่าเว็บไซต์ที่ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลง
  3. แลกลิงค์กับเว็บไซต์อื่นๆ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกัน ย้ำนะครับว่าเนื้อหาต้องเกี่ยวข้องกัน ไม่เช่นนั้น Search Engine จะมองว่าเว็บไซต์ที่เราลิงค์ไปนั้นไม่มีคุณภาพ หรือไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา ในเว็บไซต์ที่มัน indexed อยู่ สิ่งนี้จะทำให้เราเว็บไซต์ของเรามีค่าลดลงในสายตาของ Search Engine
  4. อย่ามีแค่เนื้อหา ถ้าคุณเวลา คุณสามารถอัพโหลดรูปภาพประกอบเนื้อหาเข้าไปด้วยจะดีมาก เพราะคนที่เข้าชมเว็บไซต์เห็นตัวหนังสือเยอะๆ จะเริ่มเอียน มีรูปภาพบ้างประปราย คนอ่านจะได้พักสายตาบ้าง แถมเว็บไซต์ของคุณอาจจะมีโอกาสไปปรากฏในผลลัพธ์การค้นหารูปภาพของ Search Engine อีกด้วย สองเด้งเลยทีนี้ แน่นอนรวมถึงการอัพไฟล์วีดีโอด้วย ถ้าทำครบได้ก็ดีเลยครับ
  5. ออกแบบเว็บไซต์ให้น่าใช้ เรื่องนี้ค่อนข้างสำคัญนะครับคุณลองดูอย่างเว็บไซต์ wikipedia นะครับ เค้าไม่ได้ออกแบบให้หรูหราอะไรเลย ใช้สีอยู่ไม่กี่สี รูปภาพไม่กี่รูป แต่น่าอ่าน คนใช้แล้วอยาก ใช้อีก บางเว็บนะครับ (ไม่ขอเอ่ยชื่อเว็บ) ใช้สีเยอะแยะรูปเยอะไปหมด เปลี่ยนรูปตัวชี้เมาส์เราอีกตะหาก เว็บเหล่านี้แหละครับที่จะไม่ค่อยกลับมาใช้อีกเพราะว่ามันใช้ลำบากครับ
Source : Hellomyweb2013, By: Seo Master

seo Unique Content คืออะไร ? 2013

Seo Master present to you:
หลายคนอาจะยังไม่เข้าใจเลยขอโอกาสอธิบาย และทำความเข้าใจกันก่อนที่จะอ่าน บทความ SEO และ ความรู้ SEO ตอนที่ 2 รับมือกับ Google Panda Algorithm ว่า Unique Content คืออะไร ? Unique Content ก็คือเนื้อหาคุณภาพที่เราค้นคว้าหาข้อมูลและเขียนขึ้นเอง หรือปรับแต่ง (Rewrite) ขึ้นเอง เป็นเนื้อหาแรก หรือเนื้อหาต้นฉบับที่ไม่ซ้ำกับของใคร และถูก Index เข้าฐานข้อมูลของ Search Engine เป็นที่แรก ซึ่ง Unique Content เป็นสิ่งที่ Bot ของ Search Engine ชอบ และปราณนาที่สุด และเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งเช่นกันสำหรับ การทำ SEO ดังคำพูดที่ว่า "Content is King and Link is Queen" ครับ2013, By: Seo Master

seo วิธีการเตรียมพร้อมเผชิญกับ Google Panda Algorithm ตอนที่ 1 2013

Seo Master present to you:
เป็น ความรู้ SEO ตอนต่อจาก บทความ SEO ที่แล้วนะครับ เนื่องจากหลังที่มีการ Update Algorithm ตัวใหม่ที่มีรหัส หรือ Code เก๋ๆที่เรียกว่า "Panda" ตามชื่อวิศวกรของทีมคนหนึ่ง นั้นทำให้หลายเว็บไซต์โดนผลกระทบเข้าไปเต็มๆ โดยเฉพาะบรรดาเว็บไซต์ Article ชื่อดังหลายราย และเหล่าบรรดาผู้ใช้ Script ในการปั่นเพื่อดึง Content ทั้งหลาย บ้างก็โดนลดอันดับลงจากที่เคยอันดับดีๆก็ค่อยๆหายไป หรือหนักๆหน่อยก็โดนแบน หรือ Deindex ไปเลย ตามที่เราเข้าใจกันดีแล้วจาก บทความ SEO ที่ผ่านมาว่า จุดประสงค์หลักๆที่ออก Update ตัวใหม่นี้ก็เพื่อกำจัดเว็บที่ไม่มีคุณภาพ (Low Quality Site) หรือเว็บที่มีเนื้อหาเป็น Content Farm ทั้งหลาย จากการวิเคราะห์ศึกษา และเข้าใจในระบบ Panda Algorithm ให้มากขึ้นเราก็สามารถหามาตรการเอาตัวรอด และรับมือกับ Algorithm ตัวใหม่นี้ได้ ก็คือ เราต้องทำให้เว็บเรามีคุณภาพที่สุด (High Quality Site) ทั้งในสายตาของระบบ และผู้ใช้งานเครื่องมือค้นหา และสิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือ เนื้อหา หรือ Content นี้เอง โดยที่เนื้อหาต้องใหม่หรือ Fresh Content ต้องเขียนขึ้นเอง ค้นหาข้อมูลเอง โดยเนื้อหาไม่ซ้ำ หรือคัดลอกเว็บอื่นมา หรือที่เรียกกันว่า Duplicate Content นั้นเอง2013, By: Seo Master

seo แนะนำวิธีใช้งาน Free Monitor For Google ตรวจสอบอันดับ 2013

Seo Master present to you:
โปรแกรม Free Monitor For Google เป็น Free SEO Software อีกตัวหนึ่งที่ใช้สำหรับ Monitor หรือตรวจสอบอันดับ และ Ranking ใน Google ในหลายๆ Keyword วิธีใช้งานค่อนข้างง่ายมากๆและไม่กินทรัพยากรเครื่องมากนัก จากค่าย Cleverstat ที่สำคัญสามารถตรวจสอบ Google ประเทศไทยได้อีกด้วย หลังจากที่เรา Download ตัวโปรแกรมและ Install โปรแกรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มต้นใช้งานกันได้เลยโดย Click ที่ Icon โปรแกรม คลิ๊กที่เครื่องหมาย + หรือเรียกที่ว่าปุ่ม Add URL หลังจากนั้นทำการเพิ่ม Site URL ของเราลงไปและคลิ๊กที่ปุ่ม OK จะมี Dialog Project Properties ขึ้นมาในที่นี้เราก็จะเพิ่ม Keyword (ต.ย ความรู้ SEO) ที่เราจะทำการตรวจสอบอันดับลงไปแล้วกดปุ่ม Add จะเพิ่มหลายๆ Keyword ก็ได้นะครับ หลังจากนั้นคลิ๊ก OK ต่อไปก็จะเป็นการตรวจสอบอันดับของเราโดยการคลิ๊กที่ Icon แว่นขยายหรือปุ่ม Search นั้นเองจากนั้นรอซักพักโปรแกรมจะทำการประมวลผล และจะแสดงตำแหน่ง หรือ Position ในหน้าต่าง Checklist Resultsในปัจจุบันของเราว่าอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่ ซึ่งข้อดีอีกข้อหนึ่งของตัวโปรแกรมคือ สามารถเปรียบเทียบตำแหน่งที่ดีที่สุดและตำแหน่งปัจจุบันได้อีกด้วย ว่าอันดับดีขึ้นหรือแย่ลง ทั้งนี้ยังมีคำสั่ง Options ไว้ปรับแต่งส่วนต่างๆ ค่า Results ด้วยว่าจะให้แสดงเท่าไหร่กี่ลำดับ สูงสุดถึง 200 และต่ำสุดที่ 10 ครับ (แนะนำให้ปรับเป็น 10 เพื่อความรวดเร็วในการตรวจสอบครับ) เป็นอย่างไรกันบ้างลองไปประยุกต์ใช้กันดูนะครับ นับว่าเป็นโปรแกรมที่มีการใช้งานได้ง่ายมากๆ และที่สำคัญฟรีไม่เสียตังค์ครับ Free Monitor For Google 2013, By: Seo Master

seo ตัวแปรอะไรบ้างที่เพิ่มค่า TrustRank 2013

Seo Master present to you:
มาว่ากันต่อเนื้อหาจากบทความที่แล้วนะครับ ในเรื่องของ Turstrank หรือค่าความน่าเชื่อถือ ว่ามีตัวแปรอะไรบ้าง อย่างไรบ้าง ซึ่งก็ดูตามรูปภาพประกอบด้วยนะครับ จะได้เข้าใจได้มาขึ้น อย่างแรก SSL Certificate หรือ Secure Socket Layer Protocol ก็คือ เครื่องหมายรับรองความปลอดภัยทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่ออกหรืออนุมัติโดย CA (Certificate Authority) เครื่องหมาย เหล่านี้ จะเป็นการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย SSL ซึ่ง CA เป็นผู้อนุมัติ SSL Certificate ให้แก่เว็บไซต์ เพื่อยืนยัน การมีตัวตนของเจ้าของเว็บไซต์และเพื่อยืนยันความสมบูรณ์ ของการเข้ารหัสข้อมูลผ่าน SSL ช่วยเพิ่มความมั่นใจ ให้กับผู้ใช้งานใน การรับ - ส่งข้อมูลสำคัญ เช่น ข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลบัตรเครดิต รหัสผ่านต่าง ๆ บริการนี้เหมาะสำหรับเว็บไซต์ Ecommerce (ขายของออนไลน์) หรือเว็บไซต์ที่ให้ความสำคัญในการรับ ส่งข้อมูลสูง อย่างที่สอง "Hacker Safe" Services and Logo มี Logo ของผู้ให้บริการ หรือองค์กรที่เกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภับ ป้องกันข้อมูลต่างๆในเว็บไซต์ อย่างที่สาม มีการจดทะเบียน Domain Name ระยะยาวถึง 10 ปี อย่างที่สี่ มีหน้าเพจที่มีแจ้งรายละเอียดข้อมูลการติดต่อ หรือ Contact Us เช่น เลขที่อยู่ ถนน จังหวัด ประเทศ รหัสไปรษณีย์ อย่างที่ห้า มีหน้าเพจที่แจ้งรายละอียด นโยบายความเป็นส่วนตัวหรือ Privacy Policy ที่ชัดเจน อย่างที่หก มี Links มาจากการสมัครเป็นสมาชิกของ เว็บไซต์ Better Business Bureau, Chamber of Commerce เป็นต้น แต่ละข้อโหดๆทั้งนั้นเลยครับ2013, By: Seo Master

seo TrustRank คืออะไร ? 2013

Seo Master present to you:
เป็นที่ทราบดีกันอยู่แล้วในเหล่านักทำ SEO หรือ Search Engine Optimizer ทั้งหลายสำหรับ PageRank ที่กูเกิลคิดค้นขึ้นมาสำหรับจัดระดับให้แต้มหน้าเพจหรือหน้าเว็บที่มีประสิทธิภาพ แต่หลังจากที่นำระบบ PageRank ออกมาใช้งานได้ซักพักนึงก็พบว่ามีข้อบกพร่องอยู่หลายแห่ง ทั้งในเรื่องของกลโกง PageRank ด้วยการจัดทำ Network Link ของตัวเองขึ้นมา แล้วจับเว็บที่มีอยู่ลิงค์กันเองเพื่อโอน หรือถ่ายเทคะแนน PageRank จึงทำให้ทางกูเกิลต้องคิดค้น และพัฒนาสร้าง TrustRank ขึ้นมา เพื่อปราบปรามกลุ่มบรรดานักทำ SEO สมองใสทั้งหลาย โดยแนวคิดของการให้ TrustRank นั้น จะทำโดยฐานรากที่ว่า เว็บที่มีประสิทธิภาพทั้งหลายจะไม่ยอมทำลิงค์ไปหาเว็บที่ไร้คุณภาพโดยเด็ดขาด ด้วยเหตุนี้ทางกูเกิลจึงทำการเลือกสรรเว็บไซต์ที่กูเกิลคิดว่ามีคุณภาพขึ้นมา เว็บไซต์ที่ได้รับการคัดเลือกจะมีค่า Trust Score ที่สูงมาก โดยเรียกเว็บไซต์เหล่านี้ว่า Seed Site สำหรับ Seed Site นั้นจะมีหน้าที่ส่งลิงค์ไปยังเว็บไซต์ที่มีคุณภาพเพื่อเพิ่มค่า Trust Score ให้เว็บไซต์เหล่านั้น หากเว็บไซต์ใดได้รับลิงค์แบบ DoFollow Link จาก Seed Site แล้ว จะทำให้เว็บไซต์นั้นๆได้ค่า Trust Score สูงตามไปด้วย แต่หากเราทำลิงค์ออกไปยังเว็บไซต์อื่นๆบ่อย หรือมากเกินไป ค่า Trust Score ที่เราได้ ก็จะรั่วไหลออกไปหาเว็บอื่นๆด้วยเช่นกัน และในทำนองเดียวกัน หากเราได้ลิงค์จากเว็บไซต์ที่ได้รับค่า Trust Score จากเว็บ Seed site เราก็จะได้ Trust Score ด้วยเช่นกัน และแน่นอนว่า TrustRank นั้นไม่ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาเล่นๆแน่นอน มันจะถูกนำไปประมวลเพื่อจัดระดับการแสดงผลในกูเกิลด้วย และอาจจะมีน้ำแต้มคะแนนที่สูงขึ้นเรื่อยๆต่อไปในภายภาคหน้า สำหรับเว็บไซต์ที่ได้รับคัดสรรให้เป็น Seed site จากกูเกิลนั้นเท่าที่เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปก็ได้แก่ เว็บไดเรคทอรีอย่าง Dmoz.org และ Yahoo Directory ถ้าเทียบจำนวนรวมแล้วในโลกนี้มีเว็บเพียงไม่กี่แห่งที่ได้รับคัดเลือกให้เป็น Seed site2013, By: Seo Master

seo Link Wheel คืออะไร ? 2013

Seo Master present to you:
Link Wheel คือ Backlink อีกรูปแบบหนึ่ง ที่มีลักษณะการทำลิงค์เชื่อมโยงในรูปแบบ หรือโครงสร้างเป็นวงกลม ล้อมรอบเว็บไซต์หลัก  และส่งลิงค์ทั้งหมดยิงตรงกลับมายังเว็บไซต์หลัก เพื่อให้ Robots ของแต่ละ Search Engine เข้ามาเก็บข้อมูล  ไปตามรูปแบบ หรือโครงสร้างที่เราได้ออกแบบเอาไว้ โดยแต่ละเว็บที่ส่งลิงค์กลับมาควรมีเนื้อหาให้สอดคล้องหรือใกล้เคียงกันกับเว็บไซต์หลัก เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของเครือข่าย  ซึ่งแนวทางในการทำ Link Wheel นั้นเป็นระบบของการทำ SEO อย่างง่ายๆ เบื้องต้น เพื่อดันคีย์เวิร์ดให้ติดอันดับได้รวดเร็ว2013, By: Seo Master

seo UIP คือ อะไร ? 2013

Seo Master present to you:
วันนี้เรามาพูดถึงเรื่อง UIP คืออะไร กันดีกว่าเข้าใจว่ายังมีหลายคนที่ยังไม่รู้ และอยากจะรู้ หรืออาจจะมีบางคนที่รู้แล้ว แต่อาจจะลืมไปแล้วก็ได้ วันนี้เลยถือโอกาสทบทวน หรืออธิบายสั้นๆง่ายครับ ว่า UIP ย่อมาจาก Unique IP หรือไม่ก็ UIP หมายความว่า ตัวบ่งชี้ปริมาณ หรือจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ โดยการประมวลจาก IP Address ของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ที่ไม่เหมือนกันในช่วงเวลาหนึ่งๆ เช่น จำนวน IP Address ของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ที่ไม่ซ้ำกันในเวลา วัน เดือน ปี ตามลำดับ ซึ่งจะได้จำนวนรวม หรือตัวเลข ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ไกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด เช่น UIP รายวัน มีค่า 200 คือ ตัวเลข IP ของคนเข้าเยี่ยมชม หรือแวะเวียนมาดูเว็บไซต์ไม่ซํ้ากันในวันนี้ 200 คน เป็นต้น2013, By: Seo Master

seo Keyword Density คืออะไร ? ตอนที่ 2 2013

Seo Master present to you:
ส่วนสาเหตุที่ต้องมีการจำกัด % ของ Keyword Density เนื่องจาก การที่หน้าเวบของคุณมีความหนาแน่นมากๆ เหล่า Search Engine จะเพ่งเล็งเว็บของคุณเป็นพิเศษ เพราะนั่นถือว่าคุณกำลัง Spam Keyword เพื่อให้บอทอ่านมากเกินไปนั่นเอง ทั้งนี้ การคิด เปอร์เซ็นต์ Keyword นั้น ทุกๆ Search Engine จะไม่สนใจ พวก Stop Words และ Stop Phrases นะครับ Stop Words หรือ Stop Phrases คืออะไร ? ก็คือ คำที่ไม่เกี่ยวข้องในเนื้อหา ไม่มีความหมายซึ่งจะสามารถเป็น Keyword ได้ เช่นพวก a, is, the, so, that, this, are เป็นต้น ซึ่งสิ่งที่เราควรทราบก็คือ เครื่องมือวิเคราะห์เปอร์เซ็นต์ความหนาแน่นส่วนใหญ่ นั้น ไม่ฉลาดพอที่จะตัดพวก Stop Words เหล่านี้ทิ้งไป ในการคำนวณ Keyword Density ดังนั้นหมายความว่า ค่าเปอร์เซ็นต์ Keyword Density ที่เราวิเคราะห์ได้จากเครื่องมือ กับ Search Engine จะมีค่าไม่เท่ากัน (%ที่ Search Engine คิดได้จะสูงกว่าพวกเครื่องมือวิเคราะห์เหล่านี้ เพราะมีตัวหารน้อยกว่า) ทีนี้คงเข้าใจเรื่องราวของ Keyword Density พอสมควรแล้วนะครับ ไปปรับแต่งกันได้เลย ส่วนตัวผมปรับประมาณ ไม่เกิน 7% เท่านั้นเองครับ แนะนำเครื่องมือช่วยตรวจสอบความหนาแน่นของ Keyword ครับ Keyword Checker

เครดิต Seosamutprakarn2013, By: Seo Master

seo Keyword Density คืออะไร ? ตอนที่ 1 2013

Seo Master present to you:
Keyword Density คือความหนาแน่นของคำสำคัญ หรือ คีย์เวิร์ดของเว็บไซต์ ซึ่งจะส่งผลให้ Search Engine เข้าใจว่าเว็บไซต์ของเราต้องการสื่ออะไร หรือเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับอะไร ยกตัวอย่างเช่น ผมทำเว็บขึ้นมาหนึ่งเว็บ ชื่อเว็บว่า ลูกหมา.com ซึ่งชื่อเว็บบอกอยู่แล้วว่าจะต้องทำเกี่ยวกับหมา หรือลูกหมา แต่ถ้าในเว็บไซต์ของผมดันไปพูดถึงแต่เรื่อง Google เรื่องการหาเงิน Amazon Adsense มันคงไม่ถูกต้องนัก ดังนั้นในเว็บไซต์ ลูกหมา.com นี้ควรมีคำว่าลูกหมาอยู่ในบทความต่างๆ พอสมควร แต่ว่าไอ้พอสมควรเนี่ยคือเท่าไรกันเล่า จริง ๆ การคิด Keyword Density นั้น เราสามารถพิจารณาได้ทั้งสองแบบเลยครับ คือ
1. Keyword Density ทั้งเว็บ
2. Keyword Density เฉพาะบทความ 1 บทความ หรือ Page หนึ่ง Page
สมการของ Keyword Density คือ (จำนวน Keyword ที่เราสนใจ / จำนวนคำทั้งหมด)x100
โดยเปอร์เซนต์ความหนาแน่นที่เหมาะสม เป็นดังนี้ครับ
1. เราสามารถใส่ Keyword ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะไม่ให้ Google แบน คือ ประมาณ 12 – 20 % (อันนี้หมายถึงเปอร์เซ็นต์ Keyword ทั้งหมดของทั้งเวบนะครับ) โดยคุณสามารถที่จะรู้ได้ว่า % Keyword ทั้งหมดของเวบคุณอยู่ที่เท่าไหร่ โดยลอง Search ใน GG ด้วยคำว่า Keyword Density Analyzer ดูนะครับ จะเวบไซต์มากมายที่สามารถคำนวณ % Keyword ของเวบไซต์ของคุณได้  (ใส่ URL ของเวบ)
2. ทีนี้พูดถึง % Keyword เฉพาะบทความ 1 บทความ หรือ Page หนึ่ง Page สามาถแบ่งได้เป็น 2 กรณีดังนี้
2.1 กรณีเนื้อหาในหน้า Page นั้น มีคำมากเกิน 600 คำขึ้นไป ควรมี Keyword Density ไม่เกิน 10%
2.2 กรณีเนื้อหาในหน้า Page นั้น มีคำน้อยกว่า 600 คำ ควรมี Keyword Density ไม่เกิน 20 %
สาเหตุที่ต้องมี 2 กรณี คือ ในเนื้อหาสั้นๆ นั้นจะทำให้มีตัวหารน้อย ตัวเลขของความหนาแน่นก็จะมีมากขึ้นไปด้วยนั่นเอง

เครดิต Seosamutprakarn2013, By: Seo Master

seo 10 จุดสุดยอดในการใช้ Keyword ในการทำ SEO 2013

Seo Master present to you:
การใช้ Keyword ในการทำ Search engine Optimization หลายคนที่เป็นมือใหม่ อาจจะไม่มั่นใจหรือใช้ได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร หลังจากที่ได้อ่านบทความนี้ ผมเชื่อว่าน่าจะเป็นแนวทางให้สำหรับ ผู้ที่ยังไม่มั่นใจหรือยังไม่รู้ว่าจะใช้ยังไง ได้ไม่มากก็น้อยนะครับ อย่ามัวเสียเวลาครับเริ่มต้นกันเลยดีกว่า
1. ใช้ keyword ที่บริเวณ ชื่อหน้าเพจ (Title) ให้เราใส่ Keyword ที่เราต้องการจะใส่โดยให้น้ำหนักจากการเรียงจาก ซ้ายไปขวา ตัวอย่างการใช้งาน [title] keyword หลัก, keyword รอง, keyword อื่นๆ [/title] เป็นต้น
2. ใช้ keyword ที่บริเวณ ชื่อหัวข้อของเนื้อหา (Heading Tag) โดยการใช้ h1,h2,h3 เป็นต้น ตัวอย่างการใช้งาน [h1] Keyword [/h1] หรือ [h2] Keyword [/h2] เป็นต้น
3. ใช้ keyword ที่บริเวณ เนื้อหาในส่วนแรก (First Content) ให้ใส่ Keyword ไว้ในตำแหน่ง 20 คำแรกโดยประมาณ ให้ชัดเจน หรืออาจจะใช้ตัวอักษรลักษณะเอียงก็ได้ ตัวอย่างการใช้งาน [body][p] Keyword [/p][/body]
4. ใช้ keyword ที่บริเวณ ลิงค์เชื่อมโยงมาตรฐาน (Standard Text Link) คือการเชื่อมโยงในลักษณะ การใช้ Text link เป็นตัวเชื่อมโยง แล้วแทรก Keyword ผสมเข้าไปด้วย ตัวอย่างการใช้งาน [a href="http://www.yoursite.com"] Keyword [/a]
5. ใช้ keyword ที่บริเวณ เนื้อหาในส่วนสุดท้ายของหน้า (The Last Content) เพื่อเน้นย้ำ หรือใช้ในการสรุปเนื้อหา อาจจะใช้เป็นลักษณะตัวเอียงหรือหนาก็ได้ครับ ตัวอย่างการใช้งาน [p] Keyword [/p] [/body]
6. ใช้ keyword ที่บริเวณ เมนูเลื่อนลง (Drop Down Menu) Drop Down Menu นี้เป็นที่ซ่อน Keyword ที่ดีอีกที่ที่ไม่ควรมองข้ามนะครับ ตัวอย่างการใช้งาน [form] [option] Keyword [/option] [/form]
7. ใช้ keyword ตั้งชื่อไฟล์และโฟลเดอร์ (Folder Name, File Name) วิธีนี้ได้ผลเป็นที่น่าพอใจพอสมควรครับ กับการทดลองใช้ในหลายๆเว็บที่ผมลอง หากต้องใช้ Keyword มากกว่า 1 พยางค์ ควรใช้เครื่องหมาย "-" เป็นตัวคั่นกลาง ตัวอย่างการใช้งาน /Keyword/Keword.html,Keyword.jpg หรือ Keyword1-Keyword2.html
8. ใช้ keyword ที่บริเวณ คำอธิบายรูปภาพ (Images Alt Tag) การ ใช้ Tag Alt เข้าช่วยนั้นเพราะว่า Serach Engine นั้นไม่รู้จักรูปภาพเราสามารถบอก Search Engine รู้ว่าภาพนั้นเป็นภาพของอะไรได้โดยใช้ Tag Alt นี้เข้าช่วย ตัวอย่างการใช้งาน [img src="images address" alt="Keyword"]
9. ใช้ keyword ที่บริเวณคำอธิบาย ลิงค์ (Text Link Title) การใช้ Text Link Title นั้นคล้ายการใช้ Tag Alt เพียงแต่ Tag นี้ใช้อธิบาย Link ตัวอย่างการใช้งาน [a href="http://www.yoursite.com" title="Keyword"]Keyword [/a]
10. ใช้ Keyword จด Domain name ด้วย Keyword (Domain Name Register) การใช้ Keyword หลักของเว็บในการจด Domain Name นั้นหากทำได้ดีถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่งแล้วครับ

เครดิต ThaiSeo2013, By: Seo Master

seo ความสำคัญของ Meta Tag ตอนที่ 3 2013

Seo Master present to you:
มาต่อกันเลยครับกับ Meta Revisit-After Tag ที่ใช้สำหรับบอกกับ Robot ของ Search Engine ว่าให้มาเก็บข้อมูลอีกทีในอีกกี่วัน เหมาะสำหรับเว็บที่มีการอัพเดทข้อมูลไม่บ่อย ตัวเลขเราสามารถที่จะระบุได้ตามที่เราต้องการครับ
<meta name=”revisit-after” content=”7 days” />
Meta Tag ที่ใช้สำหรับบอกเครื่องมือที่ใช้ในการสร้างเว็บเพจนี้ ใส่ชื่อโปรแกรมที่ใช้ในการสร้างลงไป
<meta name="generator" content="Dreamweaver">
Meta Tag ที่ใช้สำหรับสั่งให้ Refresh หน้าเว็บเพจที่แสดงผลอยู่อัตโนมัติ เลข 3 คือ จำนวนวินาทีที่ต้องการให้ Refresh index.html คือใส่ข้อมูลหน้าีที่ต้องการให้ Refresh
<meta http-equiv="refresh" content="3; url=index.html">
Meta Tag สำหรับสั่งให้ Re-direct หน้าเว็บเพจอัตโนมัติ Redirect คือการให้เปลี่ยนหน้าเว็บเพจที่แสดงผลอยู่ ไปแสดงผลอีกหน้าที่เราตั้งไว้โดยอัตโนมัติ เลข 5 คือจำนวนวินาทีที่จะให้แสดงหน้าแรกก่อน 5 วินาทีจึงจะเปลี่ยนไปแสดงอีกหน้าที่เราตั้งไว้ Url คือเว็บไซต์ที่เราต้องการให้ Re-direct ไป
<meta http-equiv="refresh" content="5;url=http://www.pookpligg.com">
Meta Tag สำหรับสั่งไม่ให้ Robot ของ Search Engine มาเก็บหน้าที่แสดงผล
<meta name="robots" content="noindex,nofollow">2013, By: Seo Master

seo ความสำคัญของ Meta Tag ตอนที่ 2 2013

Seo Master present to you:
Meta Keyword Tag
ที่ใช้บอกและแสดงสำหรับคำค้นหา บอกคำที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในหน้าเว็บเพจนั้นๆ สามารถใส่ได้หลายคำค้นหา แนะนำ 1 - 3 คีย์เวิร์ดครับ โดยใช้เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ (,) เป็นตัวคั่นครับ
<meta name="keywords" content="ความรู้ SEO,บทความ SEO,SEO เบื้องต้น">
Meta Description Tag
คำสั่งที่ที่ใช้บอกรายละเอียดต่างๆโดยรวม ที่เกี่ยวกับเว็บเพจนั้น โดยเขียนให้รายละเอียด สัมพันธ์กับคีย์เวิร์ดและเนื้อหาของเว็บเพจ
<meta name="description" content="สอนทำ SEO เบื้องต้นแบบง่ายๆ เหมาะสำหรับมือใหม่">
Meta Author Tag
คำสั่งที่ใช้สำหรับบอกชื่อผู้เขียนเว็บเพจนี้
<meta name="author" content="SeoGang">
Meta Copyright Tag
คำสั่งที่ใช้สำหรับบอกผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์
<meta name="copyright" content="SeoGang">
Meta Language Tag
คำสั่งที่ใช้สำหรับบอกว่า หน้าเว็บไซต์นั้นๆ มีเนื้อหาเป็นภาษาอะไร
<meta http-equiv=”content-language” content=”th” />2013, By: Seo Master

seo ความสำคัญของ Meta Tag ตอนที่ 1 2013

Seo Master present to you:
Meta Tag คือ คำสั่งที่ใช้บอกข้อมูลที่เราประกาศเอาไว้ใน Code บนส่วนหัว <head> </head> ของเอกสาร HTML โดยข้อมูลในส่วนนี้จะถูก Robot ประมวลผลก่อนจะทำการเก็บข้อมูลเว็บเพจ โดยคำสั่ง Meta Tag จะแจ้งรายละเอียดต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บเพจ เช่น Title , Keyword, Description, Author เป็นต้น โดย Search Engine จะทำการเก็บข้อมูลในส่วนนี้นำเอาไปประมวลผลการจัดเก็บเว็บไซต์ และอ้างอิงเว็บไซต์ของเรา การใช้งานคำสั่ง Meta Tag รูปแบบการเขียนนั้นจะมีรูปแบบการเขียนหลายแบบ ในที่นี้เราจะยกตัวอย่างรูปแบบการเขียน โดยมีรายละเอียด ดังตัวอย่างภาพต่อไปนี้


เรามาดูคำสั่งแรกกันเลยครับ Meta Tag ที่ใช้กำหนด หรือระบุชนิดตัวอักษร ว่าจะให้แสดงผลด้วยชุดอักษรแบบใดกับ Browser

<meta http-equiv="content-type" content="text/html; charset=tis-620">

Meta Tag นี้จะบอกชุดชนิดตัวอักษรที่ให้ใช้ชุดตัวอักษร Tis-620 สำหรับเปิดเว็บเพจของเรา2013, By: Seo Master
Powered by Blogger.